แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า “การที่จำเลยได้เช่าห้องของข้าพเจ้าไปนี้ จำเลยหาได้ทำการค้าด้วยตนเองไม่ ความจริงจำเลยได้ให้ผู้มีชื่อเช่าช่วงไปทำการค้า โดยมิได้รับความยินยอมจากข้าพเจ้า ทั้งเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับข้าพเจ้าอีกด้วย” ดังนี้ ฟ้องโจทก์ชัดอยู่แล้วว่า จำเลยเอาห้องที่เช่าจากโจทก์ทั้งหมดไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง ซึ่งก็ตรงตามเรื่องที่โจทก์กล่าวหา จึ่งไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากฟ้องเช่าของโจทก์ และเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระ โดยอ้างว่า จำเลยเอาห้องเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง จำเลยให้การต่อสู้ และตัดฟ้องว่า ฟ้องของโจทก์ในเรื่องเช่าช่วงนั้นเคลือบคลุม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ในข้อเช่าช่วงนั้นเคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องข้อ ๕ ซึ่งมีว่า “การที่จำเลยได้เช่าห้องของข้าพเจ้าไปนี้ จำเลยหาได้ทำการค้าด้วยตนเองไม่ ความจริงจำเลยได้ให้ผู้มีชื่อเช่าช่วงทำการค้า โดยมิได้รับความยินยอมจากข้าพเจ้าทั้งเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับข้าพเจ้าอีกด้วย” ศาลฎีกาเห็นว่า ความในฟ้องของโจทก์นั้นชัดอยู่แล้วว่า จำเลยเอาห้องที่เช่าจากโจทก์ไปทั้งหมดไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง ซึ่งตรงกับเรื่องที่กล่าวหา จึงไม่เป็นการเคลือบคลุม หรือทำให้จำเลยยุ่งยากในการต่อสู้คดีแต่ประการใด
พิพากษายืน.