แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พยานที่เกิดจากการจูงใจให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เอาพยานเป็นผู้ต้องหา รับฟังไม่ได้
ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลจะฟังมาลงโทษจำเลยยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกที่หนี ปล้นทรัพย์รวมราคา 2,440 บาทและฆ่านายกรุ่นเจ้าทรัพย์ตาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยทุกคนปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ และทำให้นายกรุ่นเจ้าทรัพย์ตาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต คำรับชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่ทางพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78, 53 คงจำคุกจำเลยคนละ 16 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 2,440 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความจากคำพยานโจทก์ว่า ถ้าพยานโจทก์ไม่ให้การว่า จำเลยเป็นคนร้าย พนักงานสอบสวนจะเอาพยานโจทก์เป็นผู้ต้องหาว่าปล้นทรัพย์รายนี้ด้วย ถ้าให้การว่า จำเลยเป็นคนร้ายก็จะไม่ฟ้องพยานโจทก์ ศาลฎีกาจึงเห็นว่า พยานโจทก์เหล่านี้เป็นพยานที่เกิดจากการจูงใจให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เอาพยานเป็นผู้ต้องหาย่อมรับฟังไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 เมื่อเป็นดังนี้ โจทก์ก็มีเพียงลำพังคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาล จะฟังลงโทษจำเลยยังไม่ได้
ศาลฎีกาพิพากษายืน