คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ โดยจำเลยมิได้แสดงออกว่าจำเลยทำในฐานะตัวแทนผู้ใด จำเลยกลับแสดงว่าจำเลยมีฐานะเป็นเจ้าของที่ดินเสียเองที่มีอำนาจจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ได้ ดังนี้ แม้โจทก์ได้รู้หรือควรจะรู้ว่าที่ดินรายนี้เป็นของ ป. และ ร. มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง จำเลยก็จะปัดความรับผิดของจำเลยให้ไปตกอยู่กับบุคคลทั้งสองไม่ได้ เพราะบุคคลทั้งสองไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องรู้เห็นอะไรด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๘ ซึ่งจำเลยจัดสรรแบ่งขายให้ โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาแล้วการซื้อขายนี้จำเลยสัญญารับรองกับโจทก์ว่า จากที่ดินแปลงที่โจทก์ซื้อมีทางรถยนต์ไปสู่ถนนเจริญพรได้ และสัญญารับรองจะจัดทางออกสู่ถนนปฐมโพธิแก้วด้วย จนบัดนี้จำเลยไม่จัดทำถนน และยินยอมให้บุคคลอื่นทำรั้วปิดทาง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๓,๒๐๐ บาท ขอบังคับให้จำเลยรื้อรั้วและจัดทำถนนและใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดดังกล่าว ที่จำเลยสัญญาแบ่งขายที่ดินให้โจทก์ไปนั้น จำเลยทำไปในฐานะตัวแทนนางปราณีและนางริ้วเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้เป็นตัวการจำเลยไม่ต้องรับผิด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยจัดการให้โจทก์มีทางออกสู่ถนนเจริญพรและถนนปฐมโพธิ์แก้วได้ตามสัญญา ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดที่จำเลยมีต่อโจทก์หาได้ไม่ เพราะเมื่อจำเลยเข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๑, จ.๒ นั้น จำเลยก็มิได้แสดงออกเลยว่าจำเลยได้กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของผู้ใด ตรงกันข้ามจำเลยกลับแสดงว่าจำเลยมีฐานะเป็นเจ้าของที่ดินเสียเอง ที่มีอำนาจจะซื้อขายที่ดินรายนี้กับโจทก์ได้ ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑ ที่ว่า”ข้าพเจ้านายสายหยุด วานิชานนท์ ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่าผู้จะขายฝ่ายหนึ่ง กับข้าพเจ้า นายประมวล ขจรบุญ ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่าผู้จะซื้ออีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำสัญญากันดังมีข้อความต่อไปนี้…..” ด้วยเหตุนี้แม้จำเลยจะเถียงว่าโจทก์ได้รู้หรือควรรู้ว่าที่ดินรายนี้เป็นของนางปราณี นางริ้วมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน โดยจำเลยมิใช่เป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จำเลยจะปิดความรับผิดของจำเลยให้ไปตกอยู่กับนางปราณี นางริ้ว เสียย่อมไม่ได้ เพราะนางปราณี นางริ้วไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องรู้เห็นอะไรด้วยกับการซื้อขายที่ดินรายนี้
พิพากษายืน.

Share