แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่จำเลยพา ว. ไปช่วยจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่และจำเลยไปจำหน่ายเองแต่เพียงลำพัง เพื่อผลประโยชน์ตอบแทนที่จะได้รับเป็นเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับ ว. ในการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่แล้ว แม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ร่วมกับว. หลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบสองและประชาชนว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดและมีโควต้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จำหน่ายให้แก่ผู้เสียหายทั้งสิบสองและประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ย่อมส่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาทุจริตของจำเลยอย่างชัดแจ้งในการที่จะหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายทั้งสิบสอง และการหลอกลวงดังว่านั้นจำเลยกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายทั้งสิบสอง จึงเป็นตัวการร่วมกับ ว. กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2538 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2538 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนว่า จำเลยกับพวกเป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาด มีโควต้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ในสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดเป็นจำนวนมากจะจำหน่ายให้แก่ผู้ที่จะเอาไว้ปลูกหรือเอาไว้เพื่อจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง หากผู้ใดซื้อให้ไปรับเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ได้ที่สหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยกับพวกไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดและไม่มีโควต้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ในสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาด ทั้งไม่มีเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และไม่มีเจตนาจะจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ให้แก่ประชาชนคนใด แต่มีเจตนาคบคิดกันมาตั้งแต่แรกที่จะหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากประชาชนผู้หลงเชื่อข้อความอันเป็นเท็จของจำเลยกับพวกที่แสดงดังกล่าวและตกลงซื้อเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จากจำเลยกับพวกและจากการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จของจำเลยกับพวกดังกล่าว เป็นเหตุให้ประชาชนและผู้อื่นหลายคน รวมทั้งผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 12 ตามลำดับหลงเชื่อและตกลงซื้อเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จากจำเลยกับพวก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 69,300 บาท โดยจำเลยกับพวกอ้างว่าเป็นการชำระค่าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ที่ตกลงซื้อไว้บางส่วน ซึ่งเป็นความเท็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341, 343 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 343 วรรคแรก จำคุก 4 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 12 จำนวน 8,500, 5,000, 12,500, 2,500, 3,000,1,300, 1,700, 7,500, 12,500, 1,700, 7,500 และ 5,000 บาท ตามลำดับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายอานนท์ ญาณพันธุ์ ผู้เสียหายที่ 1 นายสำรอง คำภิโล ผู้เสียหายที่ 2 เบิกความว่า จำเลยเคยมากับนายวิรัตน์ จันทร์ทองบอกจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ให้ โดยบอกว่าทั้งสองคนเป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาด และมีโควต้าเมล็ดพันธุ์นำมาจำหน่ายจึงตกลงซื้อ และมีนางจี๋ใจเป็ง ผู้เสียหายที่ 3 นายใหม่ เตจา ผู้เสียหายที่ 4 นายวันชัย กันธะวงค์ ผู้เสียหายที่ 5 นางยุพิน สิทธิคง ผู้เสียหายที่ 6 นายแก้ว ศิริ ผู้เสียหายที่ 7 นายมนตรี แสนศรี ผู้เสียหายที่ 8 นายมานพ กันทา ผู้เสียหายที่ 9 นายเมืองใจ สุภาแก้ว ผู้เสียหายที่ 10 นายศรีวรรณ สุยะ ผู้เสียหายที่ 11 นายอัศวิน เงาผ่อง ผู้เสียหายที่ 12 เบิกความทำนองเดียวกันว่า จำเลยมาบอกจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ โดยบอกว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดมีโควต้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่นำมาจำหน่าย จึงตกลงซื้อและผู้เสียหายทั้งสิบสองเบิกความว่า ได้มอบเงินให้แก่จำเลยกับพวกไปแล้ว โดยผู้เสียหายที่ 1 ชำระเงิน 8,500 บาท ผู้เสียหายที่ 2 ชำระเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายที่ 3 ชำระเงิน 12,500 บาท ผู้เสียหายที่ 4 ชำระเงิน 2,500 บาท ผู้เสียหายที่ 5 ชำระเงิน3,000 บาท ผู้เสียหายที่ 6 ชำระเงิน 1,300 บาท ผู้เสียหายที่ 7 ชำระเงิน 1,700 บาทผู้เสียหายที่ 8 ชำระเงิน 7,500 บาท ผู้เสียหายที่ 9 ชำระเงิน 12,500 บาท ผู้เสียหายที่ 10ชำระเงิน 1,700 บาท ผู้เสียหายที่ 11 ชำระเงิน 7,500 บาท ผู้เสียหายที่ 12 ชำระเงิน5,000 บาท เมื่อถึงกำหนดนัด จำเลยไม่นำเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่มาให้และปฏิเสธที่จะคืนเงินที่รับไปแล้ว ผู้เสียหายทั้งสิบสองจึงพากันไปแจ้งความร้องทุกข์ เห็นว่าผู้เสียหายทั้งสิบสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุอันใดจะแกล้งกล่าวเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ อีกทั้งยังเบิกความได้สอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญแห่งคดี จึงเชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามความเป็นจริง ที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยเป็นแต่เพียงผู้ซื้อเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จากนายวิรัตน์เท่านั้นมิได้มีส่วนร่วมกับนายวิรัตน์ในการกระทำความผิด เพียงแต่นายวิรัตน์ให้จำเลยช่วยจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ให้ หากหาคนซื้อได้ 3 ปอนด์ นายวิรัตน์จะให้เมล็ดพันธุ์แก่จำเลย 1 ปอนด์ เห็นว่า พฤติการณ์ที่จำเลยพานายวิรัตน์ไปช่วยจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่และจำเลยไปจำหน่ายเองแต่เพียงลำพัง เพื่อผลประโยชน์ตอบแทนที่จำเลยจะได้รับเป็นเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับนายวิรัตน์ในการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่แล้ว แม้จำเลยจะไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ร่วมกันกับนายวิรัตน์หลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบสองและประชาชนว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์หอมหัวใหญ่บ้านกาดและมีโควต้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จำหน่ายให้แก่ผู้เสียหายทั้งสิบสองและประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งย่อมส่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาทุจริตของจำเลยอย่างชัดแจ้งในการที่จะหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายทั้งสิบสองและการหลอกลวงดังว่านั้นจำเลยกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายทั้งสิบสอง จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกับนายวิรัตน์กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามฟ้องแล้วที่จำเลยอ้างว่าหากจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยคงจะหลบหนีไปแล้วนั้น เห็นว่า จำเลยอาจคิดว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจึงไม่หลบหนีก็ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน