แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงระบุว่า”ฝ่ายขวาและฝ่ายหญิงตกลงที่จะไปดำเนินการจดทะเบียนหย่าในวันที่ณสำนักงานเขตห้วยขวางกรุงเทพมหานครหลังจากที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงดำเนินการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว”ถือว่าข้อตกลงนี้มีเงื่อนไขบังคับก่อนเมื่อเงื่อนไขดังกล่าวยังไม่สำเร็จเพราะยังมิได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางตามที่ได้ตกลงไว้แม้จะมีการอ้างว่าที่ยังไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเป็นเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูก็ตามแต่เมื่อยังรับฟังไม่ได้ว่าเหตุที่ยังไม่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเป็นเพราะจำเลยเป็นฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงกรณีจะอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงดังกล่าวหาได้ไม่ข้อตกลงเรื่องจดทะเบียนการหย่าในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงจึงยังไม่มีผลใช้บังคับโจทก์จะบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการหย่ากับโจทก์ยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงกันว่าโจทก์จำเลยจะไปจดทะเบียนหย่า ณ สำนักงานเขตห้วยขวางกรุงเทพมหานคร หลังจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว แต่ปรากฏว่าจำเลยมิได้ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแต่อย่างใด จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนหย่าจากการเป็นสามีภรรยากับโจทก์และปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2537หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า หนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงท้ายคำฟ้องมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะทั้งสองฝ่ายมิได้ประสงค์ให้ระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วหรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินคดีซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 450/2537 ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 450/2537 เรื่อง ขอหย่าและใช้อำนาจปกครองบุตร คดีดังกล่าวยังไม่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแต่อย่างใด
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยต้องไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นฝ่ายไม่ทำตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 ในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู โดยจำเลยเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูเพิ่มขึ้นจากที่ตกลงไว้ในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงดังกล่าวจำเลยจึงเป็นฝ่ายปฏิบัติผิดข้อตกลง โดยโจทก์มิได้เป็นฝ่ายปฏิบัติผิดข้อตกลงจึงเป็นกรณีที่ต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 คือไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ตามฟ้องเห็นว่า ในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1 ระบุว่า “ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงที่จะไปดำเนินการจดทะเบียนหย่าในวันที่ณ สำนักงานเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงดำเนินการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว” ซึ่งถือว่าข้อตกลงนี้มีเงื่อนไขบังคับก่อน ดังนั้น เมื่อเงื่อนไขดังกล่าวยังไม่สำเร็จเพราะยังมิได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางตามที่ได้ตกลงไว้เช่นนี้ แม้จะมีการอ้างว่าที่ยังไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูก็ตามแต่เมื่อยังรับฟังไม่ได้ว่าเหตุที่ยังไม่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นเพราะจำเลยเป็นฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 แล้ว กรณีจะอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงดังกล่าวหาได้ไม่ฉะนั้น ข้อตกลงเรื่องจดทะเบียนการหย่าในหนังสือสัญญาบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 จึงยังไม่มีผลใช้บังคับเมื่อฟังได้เช่นนี้โจทก์จะบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ยังไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน