คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ลงชื่อไว้ในรายงานแบ่งทรัพย์ของเจ้าพนักงานแบ่งทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล รับรองว่าจำเลยได้เอาเงินส่วนได้ของโจทก์ไปใช้ค่าที่ดินที่จำเลยประมูลได้ หากจะว่าเป็นการกู้ยืมเงินก็เป็นหลักฐานเพียงพอตามความประสงค์ของ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 แล้วโจทก์ใช้หลักฐานนี้ ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้

ย่อยาว

ได้ความว่า เดิมโจทก์จำเลยคดีนี้ได้ร่วมกันฟ้องความแพ่งต่อศาลจังหวัดกระบี่สำนวนหมายเลขคดีแดงที่ ๓๘/๙๑ เรื่องมรดก ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์มรดกแล้วได้มีการประมูลทรัพย์กัน โจทก์จำเลยได้รับส่วนแบ่งเป็นราคาคนละ ๓,๒๙๗ บาท ๕๐ สตางค์ แต่โจกท์หาได้รับเงินจำนวนนี้ไปไม่โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยเอาส่วนได้ของโจทก์จำนวนนี้หักชำระค่าที่ดิน ๒ แปลง ซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ และจำเลยตกลงว่าจะโอนที่ดินที่ประมูลให้โจทก์ ๑ แปลง หรือมิฉะนั้นจำเลยจะใช้เงินจำนวนนี้ให้โจทก์ในภายหลัง แต่แล้วจำเลยก็หาได้โอนที่ดินหรือใช้เงินจำนวนนี้ให้โจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้บังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จะฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้ไม่ได้ เพราะป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่า ๕๐ บาท ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามที่ฟ้องพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยได้เอาเงินส่วนได้ของโจทก์ไปชำระค่าที่ดินที่จำเลยประมูลได้ จำเลยก็มีหนี้จะต้องใช้ให้โจทก์ หากจะว่าเป็นการกู้ยืมเงินกัน รายงานการแบ่งทรัพย์ซึ่งจำเลยได้ลงชื่อให้ไว้ย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอตามความประสงค์ของ ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๖๕๓ แล้ว
จึงพิพากษายืน

Share