แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบกิจการน้ำบาดาลที่จำเลยรับโอนไปจากโจทก์คืนแก่โจทก์ ผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นผู้ใช้น้ำบาดาล ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายหรือเช่าซื้อต้องจัดบริการให้ผู้ร้องดังนี้ การโอนกิจการน้ำบาดาลระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการได้สิทธิหรือเสียสิทธิของผู้ร้อง หากโจทก์แพ้คดีสิทธิของผู้ร้องสอดในเรื่องใช้น้ำบาดาลหาได้กระทบกระเทือนโดยผลแห่งคดีนี้ไม่ ผู้ร้องจึงมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่ เป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ จึงร้องสอดเข้ามาในคดีไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ให้ยกร้องสอด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่ผู้ร้องสอดฎีกาว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียในกิจการน้ำตาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) เห็นว่าผู้ร้องสอดอยู่ในฐานะเป็นผู้ใช้น้ำบาดาล ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายหรือเช่าซื้อต้องจัดบริการให้ผู้ร้องสอดและผู้เช่าซื้อรายอื่น โจทก์ย่อมมีสิทธิมอบให้จำเลยดำเนินกิจการน้ำบาดาลแทนโจทก์ได้โดยโจทก์ยังคงมีความผูกพันต่อผู้ร้องสอดตามสัญญาอยู่ สัญญาโอนช่วงกิจการน้ำประปา (บาดาล) ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2520 ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการได้สิทธิหรือเสียสิทธิของผู้ร้องสอด ประเด็นที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบกิจการน้ำบาดาลและอุปกรณ์คืนโจทก์ และคืนเงินที่จำเลยได้รับไป หากโจทก์แพ้คดี สิทธิของผู้ร้องสอดในเรื่องใช้น้ำบาดาลหาได้กระทบกระเทือนโดยผลแห่งคดีนี้ไม่ ผู้ร้องสอดจึงมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่เป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ จะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความคดีนี้ไม่ได้”
พิพากษายืน