แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 จ้างวานให้จำเลยอื่นเข้าทำนาในที่พิพาทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ถือว่าเป็นการบุกรุก จึงเป็น การละเมิดต่อโจทก์แต่จำเลยอื่นที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการบุกรุกด้วย หาจำต้องรับผิดด้วยไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 มีสิทธิครอบครองร่วมกับนางสีภริยา พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทตามแผนที่ประมาณท้ายฟ้องหมายเลข 3 เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องที่โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองแล้ว การที่จำเลยที่ 1 จ้างวานให้จำเลยอื่นเข้าทำนาในที่พิพาทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ จึงถือว่าเป็นการบุกรุกต่อโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ได้เข้าทำนาพิพาทโจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย แต่การนำสืบถึงค่าเสียหายที่ไม่ได้ทำนาพิพาทโจทก์เพียงประมาณเอาว่าจะได้ข้าวเปลือกประมาณ 4 เกวียน ขัดกับคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ซึ่งทำนาอยู่โดยจำเลยที่ 1 ว่าทำนาในปี พ.ศ. 2518 ได้ข้าวเพียง 1 เกวียนเศษ การนำสืบถึงค่าเสียหายของโจทก์จึงไม่ได้ความแน่นอน ศาลเห็นสมควรให้โจทก์ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายในปี พ.ศ. 2518 กึ่งหนึ่งจากที่เรียกร้องคือเป็นเงิน 3,000บาท จากจำเลยที่ 1 ส่วนในปี พ.ศ. 2519 และในปีต่อ ๆ มาตามคำเบิกความของโจทก์ว่า โจทก์ทั้งสองได้ครอบครองทำนาในที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ได้อีก สำหรับจำเลยที่ 2ถึงที่ 6 เพียงแต่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 จ้างวานให้เข้าปักดำทำนาพิพาท ไม่มีส่วนรู้เห็นในการบุกรุกที่พิพาทกับจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์มีสิทธิครอบครอง ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 3,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ ห้ามจำเลยที่ 1 กับบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป ให้จำเลยที่ 1 ถอนหลักที่ปักไว้ในที่พิพาทและทำกันมาในที่พิพาทให้คืนสู่สภาพเดิม และให้จำเลยที่ 1ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาล โดยกำหนดค่าทนายความรวม 2,000 บาทแทนโจทก์ทั้งสองด้วย นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ค่าทนายความชั้นฎีกาสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นพับ”