คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8395/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำร้องขอของผู้ร้องอ้างสิทธิขอตั้งผู้จัดการมรดกเพียงว่าผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเพียงผู้เดียวโดยมิได้อ้างสิทธิหรือส่วนได้เสียอย่างอื่น เมื่อปรากฎตามคำร้องขอนั้นชัดแจ้งว่า เจ้ามรดกยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันยังมีชีวิตอยู่อีก 2 คน ซึ่งเป็นทายาทอันดับ 3ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(3)ซึ่งยัง มีชีวิตอยู่ ส่วนผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงพี่น้องร่วมบิดาเดียวกับเจ้ามรดกจึงเป็นทายาทอันดับ 4 ตามมาตรา 1629(4)ดังนี้ ผู้ร้องจึงถูกตัดมิให้รับมรดกตามมาตรา 1630 วรรคหนึ่งและเมื่อผู้ร้องมิใช่ทายาทของเจ้ามรดกหรือผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 1713(1) จึงไม่อาจร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกได้ และแม้ทายาทของเจ้ามรดกที่มีชีวิตอยู่ดังกล่าวถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถอยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง และทายาทนั้นไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดกได้ และหากไม่มีผู้จัดการมรดกจะทำให้ทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกเกิดความเสียหายได้ก็ตามแต่เมื่อผู้ร้องอ้างสิทธิในการขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในฐานะผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกตามมาตรา 1713(1) ชัดแจ้งอยู่แล้ว การที่จะไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องยังมีสิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิของการเป็นทายาทโดยธรรม ย่อมไม่อาจกระทำได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงนอกคำร้องขอและนอกประเด็น จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องโดยไม่จำต้องทำการไต่สวน

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายพลอยหรือหลวยอาทิตย์ตั้ง และนางสอน อาทิตย์ตั้ง ต่อมานางสอน อาทิตย์ตั้งมารดาผู้ร้องถึงแก่กรรม นายพลอยจึงแต่งงานอยู่กินกับนางหนวน อาทิตย์ตั้ง และมีบุตรด้วยกัน 4 คน คือ นางจำเนียรอาทิตย์ตั้ง (เจ้ามรดก) นายอ้วน อาทิตย์ตั้ง (ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ) นายขุนกาล อาทิตย์ตั้ง (ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ) และนางสาวอาน้อย อาทิตย์ตั้ง) นายพลอยกับนางสาวอาน้อยถึงแก่กรรมไปแล้ว นางจำเนียร เจ้ามรดกอยู่กินฉันสามีภริยากับนายอาม ไกรธิราช โดยมิได้จดทะเบียนสมรส และไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาเดือนกันยายน 2533 นายจำเนียร ถึงแก่กรรมก่อนที่ถึงแก่กรรมนางจำเนียรได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งให้นายหนูพันธะมา เป็นผู้จัดการมรดก ขณะนายหนูผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้จัดการมรดกของนางจำเนียรยังไม่เสร็จสิ้นนายหนูก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2538 ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของนางจำเนียรเพียงผู้เดียว ผู้ร้องมิได้เป็นบุคคลวิกลจริต มิได้เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือคนล้มละลาย ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางจำเนียรต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้อง ผู้ร้องอ้างสิทธิขอตั้งผู้จัดการมรดกเพียงว่า ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของนางจำเนียรเจ้ามรดกเพียงผู้เดียว โดยมิได้อ้างสิทธิหรือส่วนได้เสียอย่างอื่นเมื่อปรากฏตามคำร้องขอชัดแจ้งว่า นายจำเนียรเจ้ามรดกยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันยังมีชีวิตอยู่อีก 2 คน คือ นายอ้วนอาทิตย์ตั้ง และนายขุนกาล อาทิตย์ตั้ง ซึ่งเป็นทายาทอันดับ 3ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(3) ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงพี่น้องร่วมบิดาเดียวกับนางจำเนียรเจ้ามรดกจึงเป็นทายาทอันดับ 4ตามมาตรา 1629(4) แต่ทายาทอันดับ 3 ของนางจำเนียรเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ผู้ร้องจึงถูกตัดมิให้รับมรดกตามมาตรา 1630 วรรคหนึ่งผู้ร้องมิใช่ทายาทของเจ้ามรดกหรือผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 1713(1)จึงไม่อาจร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางจำเนียรเจ้ามรดกได้
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า นายอ้วนและนายขุนกาลถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถอยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง ทั้งนายอ้วนและนายขุนกาล ไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดกได้ และหากไม่มีผู้จัดการมรดกจะทำให้ทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกเกิดความเสียหายได้ผู้ร้องเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดกนั้น เห็นว่าตามคำร้องขอของผู้ร้องมิได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนายอ้วนและนายขุนกาลทายาทของเจ้ามรดกไว้ในคำร้องขอแต่อย่างใดข้ออ้างตามฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นเรื่องนอกคำร้องขอและนอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยและแม้จะให้ไต่สวนคำร้องขอตามที่ผู้ร้องขอมาก็ไม่อาจทำให้ข้อเท็จจริงชัดเจนขึ้นยิ่งไปกว่าที่ปรากฏอยู่ในคำร้องขอของผู้ร้องได้ เพราะผู้ร้องอ้างสิทธิในการขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในฐานะผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกตามมาตรา 1713(1) ชัดแจ้งอยู่แล้ว การที่จะไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องยังมีสิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิของการเป็นทายาทโดยธรรมจึงไม่อาจกระทำได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงนอกคำร้องขอและนอกประเด็น ซึ่งศาลจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้เช่นเดียวกัน
พิพากษายืน

Share