คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 จำเลยผู้รับประกันภัยมีหนังสือลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 ถึงโจทก์ผู้รับประโยชน์บอกล้างสัญญาประกันชีวิตและปฏิเสธการจ่ายเงินสินไหมมรณกรรม จึงเป็นการผิดสัญญาและถือว่าจำเลยผิดนัด โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจำเลยได้นับแต่วันดังกล่าว มิใช่นับแต่วันผู้เอาประกันถึงแก่ความตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,120,822 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “ผู้เอาประกันซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ ทำคำขอประกันชีวิตกับจำเลยในวงเงินประกัน 1,000,000 บาท โดยให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามใบคำขอเอาประกันชีวิต จำเลยตกลงรับประกันภัยและออกกรมธรรม์ประกันภัย ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 ผู้เอาประกันถึงแก่ความตาย โจทก์จึงขอรับเงินค่าสินไหมจากจำเลย 1,000,000 บาท ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำเลยปฏิเสธการจ่ายอ้างว่า สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างแล้ว แต่เมื่อพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า สัญญาประกันชีวิตไม่ตกเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 บอกล้างสัญญาประกันชีวิตและปฏิเสธการจ่ายเงินสินไหมมรณกรรม จึงเป็นการผิดสัญญาและถือว่าจำเลยผิดนัด โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยนับแต่วันดังกล่าวมิใช่นับแต่วันที่ผู้เอาประกันถึงแก่ความตาย”
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share