แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถ 2 คันชนกัน จำเลยถูกฟ้องคดีอาญาในข้อหาว่ากระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ธ.ผู้ขับรถอีกคันหนึ่งมิใช่ผู้เสียหายในคดีดังกล่าวคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพัน ธ. ในคดีแพ่ง ศาลมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่า ธ. เป็นฝ่ายประมาท และประมาทมากน้อยกว่าจำเลยเพียงใดหรือไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1ง-7035 ซึ่งนายธนรัชต์ เป็นผู้ขับขี่จากสี่แยกศาลาแดงไปตามถนนสีลม จำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 8ม-5705 มาตามถนนสีลมเลี้ยวขวาเข้าถนนคอนแวนด์ แล้วเกิดชนกันขึ้นเป็นเหตุให้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1ง-7035 เสียหายโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ซ่อมรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1ง-7035 ไปรวม 15,000 บาท จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาว่านายธนรัชต์ซึ่งไม่ถูกฟ้องคดีอาญา มีส่วนประมาทมากกว่าจำเลยซึ่งถูกศาล แขวงพระนครใต้พิพากษาลงโทษฐานขับรถยนต์โดยประมาทตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 15535/2522 นั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีดังกล่าว จำเลยถูกฟ้องคดีอาญาในข้อหาว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก นายธนรัชต์มิใช่ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว คำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันนายธนรัชต์ในคดีนี้ศาลจึงมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่านายธนรัชต์เป็นฝ่ายประมาท และประมาทมากน้อยกว่าจำเลยเพียงใดหรือไม่ ที่ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงใหม่จึงไม่เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
ที่โจทก์ฎีกาอีกว่า ในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่านายธนรัชต์ประมาทมากกว่าจำเลย ก็ไม่ชอบที่จะลดค่าเสียหายของนายธนรัชต์ทั้งจำเลยไม่นำสืบว่าจำเลยเสียหายเท่าใด ต้องถือว่าจำเลยไม่เสียหายนั้น พิเคราะห์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่านายธนรัชต์ประมาทมากกว่าจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นายธนรัชต์หรือโจทก์
พิพากษายืน