คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานฟ้องเท็จอันมีอัตราโทษอย่างสูง 3 ปีนั้น นายตำรวจมีอำนาจที่จะออกหมายจับได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.66
อุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาทีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมาย

ย่อยาว

เดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ ๒-๓ เป็นความอาญาต่อศาล ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ออกหมายให้จำเลยที่ ๒-๓ ไปจับโจทก์มา ในข้อหาว่าโจทก์ฟ้องเท็จ โจทก์จึงกลับฟ้องจำเลยทั้ง ๓ คน ฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพ
ศาลชั้นต้นแลศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีสำหรับจำเลยที่ ๒-๓ มีมูลควรรับพิจารณาได้ ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ นั้นเห็นว่า จำเลยที่ ๑ มีอำนาจออกหมายจับโจทก์ได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๖๖ ที่โจทก์ว่าจำเลยที่ ๑ ออกหมายโดยเจตนาจกะช่วยคนของตนนั้น ไม่มีพะยานหลักฐานจึงพิพากษายกฟ้อง ไม่ออกหมายเรียกจำเลยที่ ๑ มาพิจารณา
โจทก์ฎีกศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าความผิดฐานฟ้องเท็จมีอัตราโทษอย่างสูง ๓ ปี จำเลยที่ ๑ มีอำนาจออกหมายจับโจทก์ได้หรือไม่
ศาลฎีกาตัดสินว่าตาประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๖๖ (๒) ความผิดของผู้ต้องหาต้องมีอัตราโทษ แต่ ๓ ปีขึ้นไป คำว่า ” ๓ ปีขึ้นไป ” ไม่ใช่หมายความว่า ๓ ปี กับ ๑ วันดังคำค้านของโจทก์ เมื่อปรากฎว่าจำเลยที่ ๒-๓ กล่าวหาว่า โจทย์ฟ้องเท็จอันมีอัตราโทษ อย่างสูงถึง ๓ ปี จำเลยที่ ๑ ก็มีอำนาจออกหมายจับโจทก์ได้ จึงพิพากษายืน

Share