คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าคือโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขาย เป็นการที่โจทก์ในฐานะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบให้แก่จำเลย แม้โจทก์ยินยอมให้จำเลยแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ก็เป็นเพียงผ่อนชำระค่าสินค้าเป็นคราว ๆ เท่านั้น กรณีต้องด้วย ป.พ.พ.มาตรา 193/34 (1) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี หาใช่เป็นกรณีเงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/33 (2) ซึ่งมีอายุความ 5 ปีไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2540 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 เกินกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่โจทก์มีสิทธิเรียกร้อง ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินค้าจำนวน ๓๙,๖๙๒.๒๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๓๒,๕๕๐ บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ชำระเงินให้โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๐ แล้วไม่ชำระ โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบแก่จำเลยที่ ๑ จึงต้องฟ้องภายในอายุความ ๒ ปี นับแต่มีสิทธิเรียกร้อง การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ซึ่งพ้นกำหนดอายุความ ๒ ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติในเบื้องต้นโดยคู่ความไม่ได้โต้แย้งในชั้นนี้ว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าได้ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่จำเลยที่ ๑ ราคา ๓๗,๒๐๐ บาท โดยให้จำเลยที่ ๑ แบ่งชำระเป็น ๒๔ งวด งวดละ ๑,๕๕๐ บาท เริ่มชำระงวดแรกเดือนมกราคม ๒๕๔๐ และงวดถัดไป ชำระภายในวันที่ ๒ ของทุก ๆ เดือน มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากที่จำเลยที่ ๑ ได้รับมอบโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว จำเลยที่ ๑ ชำระเงินให้แก่โจทก์ ๓ งวด แล้วผิดนัดไม่ชำระตั้งแต่งวดที่ ๔ ประจำวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๐ จนถึงงวดที่ ๒๔ และตามสัญญาซื้อขาย ข้อ ๗ ระบุว่า หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดได้ทันที โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๐ และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าสินค้าหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขาย จึงเป็นการที่โจทก์ในฐานะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกค่าของคือโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการส่งมอบให้แก่จำเลยที่ ๑ แล้วตามสัญญาซื้อขาย แม้โจทก์จะยินยอมให้จำเลยที่ ๑ แบ่งชำระเป็นงวด ๆ ก็เป็นเพียงผ่อนชำระค่าสินค้าเป็นคราว ๆ เท่านั้น กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๑) ซึ่งมีอายุความ ๒ ปี หาใช่เป็นกรณีเงินต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๓ (๒) ซึ่งมีอายุความ ๕ ปี ดังที่โจทก์ฎีกาไม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกำหนดระยะเวลา ๒ ปี นับแต่โจทก์มีสิทธิเรียกร้อง ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

นายจินดา ปัณฑะโชติ ผู้ช่วยฯ
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นางอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share