คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่ให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม ม. 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่ สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้+ส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้+ส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม ก.ม.ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จำนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้ เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการเป็นนายตรวจสรรพสามิต สมคบกันอ้างว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจใช้วาจาบังคับขู่เข็ญขืนใจนายเจ็บน้ำหรือเจียงค้ำ ให้รับสัญญาว่ายอมจะส่งเงินให้แก่จำเลย ๑๐๐๐ บาท ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง นายเจียน้ำกลัวจึงยอมรับสัญญาและรุ่งขึ้นก็ได้มอบเงิน ๔๐๐ บาท ให้แก่จำเลย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๖๓,๓๐๓
จำเลยรับว่าเป็นนายตรวจสรรพสามิตจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด
ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสอง ตาม ก.ม. อาญา ม.๓๐๓ มีกำหนดคนละ ๑ ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาปัญหาข้อ ก.ม. ว่า ๑.คำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก ๒. ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังก็ไม่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก ๓. ศาลรับฟังพยานหลักฐานผิดด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลย ไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจ พูดว่าไม่ได้เงินจะมีเรื่องดังนี้แสดงชัดว่าเป็นการขู่เข็ญขืนใจ เมื่อนายเจียน้ำกลัวรับสัญญาจ่าจะให้ ตรงตาม ม. ๓๐๓ บัญญัติไว้จึงเข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าจำเลยทั้งสอ่งได้สมคบกันอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ พูดบังคับขู่เข็ญ ขืนใจนายเจียน้ำให้ส่งเงินให้จำเลยทั้งสอง ๑๐๐๐ บาท ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง นายเจียน้ำกลัวและได้ให้เงินจำเลยตามสัญญา ในวันรุ่งขึ้นโดยจำเลยไม่มีอำนาจที่กระทำได้ตาม ก.ม. ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
ปัญหาสุดท้ายเห็นว่าแม้โจทก์แถลงว่าติดใจสืบพยานเท่าที่สืบแล้วก็ดี เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยยื่นเป็นพยานต่อศาล เพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๑๒๐ ประด้วย ป.วิ.อาญา ม.๑๕ เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share