คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ฯ ศาลแขวงลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา299 ผู้เสียหายได้มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 297 อีก ดังนี้ เมื่อกรณีเป็นเรื่องเดียวกัน และวาระเดียวกันสิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 29 (4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 299 แม้ มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗, ๒๙๙
จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์เป็นบุคคลคนเดียวกับนายเล็กซึ่งผู้ว่าคดีตำรวจนครบาลดุสิต ฟ้องในคดีดำที่ ๓๔๔๕/๒๕๐๐ ว่าเป็นผู้ริเริ่มก่อมูลวิวาทก่อน โจทก์กับพวกเป็นผู้สมัครใจวิวาทกับจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
วันไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์แถลงรับว่าจำเลยถูกฟ้องในคดีดำที่ ๓๔๔๕/๒๕๐๐ จริง และโจทก์ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดำที่ ๒๐๖๖/๒๕๐๑ ในมูลกรณีเดียวกันนี้เช่นเดียวกัน ศาลชั้นต้นงดไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในกรรมเดียวและวาระเดียวกันและตามที่โจทก์แถลงรับว่าจำเลยทั้ง ๓ ในคดีนี้ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดำที่ ๓๔๔๕/๒๕๐๐ รวมกับนายหอยพวกของโจทก์ ฐานชุลมุนต่อสู้กันจนเป็นเหตุให้นายเล็กโจทก์บาดเจ็บสาหัส ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง ๓ คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม มาตรา ๓๙ (๔) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ตามที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้
พิพากษายืน

Share