แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองเป็นความผิดกรรมเดียวกันและต้องลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำเลยแยกมาเป็นสองกรรมจึงเป็นการไม่ชอบ และที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ริบหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลางนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าทรัพย์สินดังกล่าวจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่อาจริบได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นว่ากล่าวและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๘ , ๑๕ , ๕๗ , ๖๖ , ๖๗ , ๙๑ , ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๔ , ๗ , ๕๕ , ๗๒ , ๗๘ ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนสั้นขนาด .๓๒ กระสุนปืนขนาด .๓๒ กระสุนปืนขนาด ๕.๕๖ มม. อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีน ธนบัตร หมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๗ , ๕๗ , ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ , ๗๒ วรรคหนึ่ง , ๗๒ วรรคสาม , ๗๘ วรรคหนึ่ง (ที่ถูกต้องระบุมาตรา ๕๕ ประกอบด้วย) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๕ ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๑ ปี ฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก ๖ เดือน ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุก ๑ ปี และฐานมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ จำคุก ๒ ปี รวมจำคุก ๘ ปี ๖ เดือน (ที่ถูก ๙ ปี ๖ เดือน) ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๔ ปี ๒๐ เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนสั้นขนาด .๓๒ กระสุนปืนขนาด .๓๒ กระสุนปืนขนาด ๕.๕๖ มม. อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีน หมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลาง ส่วนธนบัตรจำนวน ๑๓๓,๘๔๐ บาท ให้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก ๓ ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๒ ปี เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นแล้วเป็นจำคุก ๓ ปี ๒๔ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองดังที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นความผิดกรรมเดียวกันและต้องลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนและไม่มีทะเบียนแยกมาเป็นสองกรรมนั้นเป็นการไม่ชอบ ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ริบหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลางนั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าทรัพย์สินดังกล่าวจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่อาจริบได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นว่ากล่าวและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ , ๗๒ วรรคหนึ่งและวรรคสาม เป็นการกระทำกรรมเดียวกันผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๑ ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๘ เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นแล้วคงลงโทษจำเลย จำคุก ๓ ปี ๒๐ เดือน ไม่ริบหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลางโดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖.