คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจำนองกันก่อนใช้ประมวลแพ่งแล้วมาทำสัญญายอมกันเมื่อใช้ประมวลแพ่งแล้ว ต้องใช้ประมวลแพ่ง ฯ บังคับ ผลของสัญญายอมทำให้สิทธิเดิมระงับไป แต่กลับได้สิทธิขึ้นใหม่ตามสัญญา และถ้าหากว่าเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญก็เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วย

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยได้จำนองที่ดินรวม ๔ โฉนดไว้กับโจทก์เมื่อก่อนใช้ประมวลแพ่ง ฯ แล้วจำเลยไม่ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ย โจทก์จึงฟ้องจำเลย วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๕ โจทก์จำเลยได้ทำสัญญายอมความกันมีข้อความว่าจำเลยยอมใช้ต้นเงิน ๑๕๐๔๘ บาท ๘๙ สตางค์ และดอกเบี้ยให้ แต่ขอผ่อนชำระเป็นงวด ๆถ้าจำเลยผิดนัดจำเลยยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์ขายทอดตลาดได้ทีเดียว และเป็นอันเลิกคดีกัน ในที่สุดจำเลยผิดสัญญายอมโจทก์จึงยึดที่ดินทีจำนองกับที่ดินแลเรือนซึ่งมิได้จำนองด้วย ฮ.จำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าโจทก์ยึดทรัพย์อื่นนอกจากที่จำนองไม่ได้เพราะทำก่อนใช้ประมวลแพ่ง ฯ
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์สั่งให้ถอนการยึดที่ดินแลเรือนตามที่จำเลยร้องคัดค้าน
โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้จะใช้พ.ร.บ.จำนำขายฝากที่ดิน ร.ศ.๑๑๘ หรือใช้ประมวลแพ่งฯ ม.๘๕๒-๓๔๙ บังคับตามคำพิพากษาท้ายยอม
ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นทีจะต้องวินิจฉัยมีว่าสัญญายอมมีความหมายเพียงไรแลใช้กฎหมายใดบังคับ เห็นว่าในสัญญาไม่มีข้อความที่บ่งว่าถ้าฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามยอมให้คงบังคับไปตามสัญญาจำนองเดิม แลวินิจฉัยว่าคดีนี้ต้องใช้บังคับตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๘๕๒-๓๔๙ ซึ่งฉะเพาะคดีนี้ผลแห่งสัญญายอมระวางโจทก์จำเลยเป็นอันระงับสิทธิของจำเลยที่จะขอให้โจทก์เรียกร้องตามสัญญาจำนองเดิม แต่กลับทำทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องตามสัญญายอมย่อมเป็นการแปลงหนี้ใหม่ จึงพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

Share