คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7947/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ณ. ให้ ท. เก็บรักษาเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อรอคำสั่งให้นำไปส่งต่อ จำเลยเป็นคนรักของ ณ. และนั่งรถมากับ ณ. เวลามาส่งเมทแอมเฟตามีนให้ ท. บ่อยครั้ง ว. และ ช. ไปรับเมทแอมเฟตามีนจาก ท. ไปส่งให้ลูกค้าตามคำสั่งของ ณ. ผู้ว่าจ้าง และรับเมทแอมเฟตามีนบางส่วนไปจำหน่ายเอง ณ. สั่งให้ ช. โอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนเข้าบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของจำเลย ในแต่ละวันมีการนำเงินเข้าฝากหลายจำนวนแล้วถอนเงินออกจากบัญชีโดยตลอด จำเลยมอบบัตรเอทีเอ็มให้ ณ. นำไปใช้เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าว พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่า จำเลยรู้เห็นเป็นใจให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือ ณ. ในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของ ว. และ ช. โดยใช้บัญชีเงินฝากดังกล่าวชำระเงินค่าเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ณ. อันเป็นการสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 6, พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3790/2558 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 6 (1) (4) ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) และหากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองโดยคู่ความมิได้โต้เถียงว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายโชคชัย และนายวันชัย พร้อมเมทแอมเฟตามีน 30 ถุง จำนวน 6,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 104.689 กรัม โทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง และสลิปการโอนเงิน 19 ฉบับ เป็นของกลาง ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นายโชคชัยและนายวันชัยให้การรับสารภาพ โดยนายโชคชัยให้การรับว่าเมทแอมเฟตามีนเป็นของนายณัฐพงษ์หรือณัฐ โดยนายโชคชัยจะไปรับจากนายทศพลหรือม็อบ ผู้เก็บรักษาเมทแอมเฟตามีนให้กับนายณัฐพงษ์อีกทีหนึ่ง เมทแอมเฟตามีนที่นายโชคชัยรับมาจะแยกเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรกเป็นเมทแอมเฟตามีนที่นายณัฐพงษ์ว่าจ้างให้ไปส่งต่อลูกค้า ส่วนที่สองเป็นเมทแอมเฟตามีนที่นายโชคชัยรับมาจำหน่ายเอง โดยซื้อมาในราคาถุงละ 17,000 บาท แล้วนำไปจำหน่ายต่อในราคาถุงละ 20,000 บาท และขายปลีกด้วยในราคาเม็ดละ 200 บาท โดยนายณัฐพงษ์จะให้โอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 652 – 0 – 16xxx – x ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กับบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 526 – 2 – 41xxx – x ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นของจำเลยทั้งสองบัญชีกับสลิปการโอนเงินของกลางเป็นหลักฐานในการที่นายโชคชัยโอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายณัฐพงษ์ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3679/2558 ของศาลชั้นต้น และจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของจำเลยดังกล่าว พบว่าในแต่ละวันมีการนำเงินเข้าหลายจำนวนแล้วถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวโดยตลอด
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยเคยคบหากับนายณัฐพงษ์ในฐานะคนรัก และมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวโดยไม่ได้อยู่ด้วยกัน การที่ไปไหนมาไหนด้วยกันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก และจะปรักปรำว่าจำเลยรู้เรื่องที่นายณัฐพงษ์ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและรู้เห็นเป็นใจหรือสมคบกับนายณัฐพงษ์กระทำความผิดไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นไม่ชอบ เห็นว่า โจทก์มีร้อยตำรวจโท ยุทธนา และพันตำรวจโท ภูวดิท มาเบิกความยืนยันสอดคล้องต้องกันว่า ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนายโชคชัยให้การว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากนายโชคชัยนั้น นายณัฐพงษ์สั่งให้นายโชคชัยโอนเงินค่ายาเสพติดเข้าบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของจำเลยตามฟ้อง และนายโชคชัยทราบว่าจำเลยเป็นคนรักของนายณัฐพงษ์และจะพบจำเลยทุกครั้งเมื่อพบกับนายณัฐพงษ์ อีกทั้งนายโชคชัยได้ชี้ยืนยันภาพถ่ายของจำเลยไว้ด้วย นอกจากนี้นายโชคชัยยังเคยให้การยืนยันเช่นเดียวกันนี้ในชั้นสอบสวนและในฐานะเป็นพยานในชั้นสอบสวนคดีของนายทศพล หลังจากที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายโชคชัยและนายวันชัยได้แล้ว มีการขยายผลไปจับกุมนายทศพลในวันเดียวกันได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีดังกล่าว ซึ่งนายทศพลให้การรับสารภาพว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของนายณัฐพงษ์ที่สั่งให้ตนไปรับนำมาเก็บรักษาไว้รอคำสั่งจากนายณัฐพงษ์เพื่อนำไปส่งต่อ และรับว่ารู้จักจำเลยโดยทราบว่าเป็นภริยาของนายณัฐพงษ์และจะพบจำเลยนั่งรถมากับนายณัฐพงษ์เวลามาส่งเมทแอมเฟตามีนบ่อยครั้ง จากการตรวจสอบของพันตำรวจโท ภูวดิทพบว่าการค้าเมทแอมเฟตามีนที่นายโชคชัยต้องชำระเงินให้แก่นายณัฐพงษ์นั้น มีการโอนเข้าบัญชีเงินฝากทั้งสองของจำเลยตามฟ้องจริง แม้ในชั้นพิจารณานายโชคชัยและนายทศพลจะเบิกความว่า ไม่รู้จักจำเลยซึ่งขัดกับคำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนที่ยืนยันว่าคนทั้งสองรู้จักจำเลย โดยทราบว่าเป็นคนรักหรือภริยาของนายณัฐพงษ์ และพบเห็นจำเลยอยู่กับนายณัฐพงษ์โดยตลอด อีกทั้งนายทศพลก็เบิกความตอบคำถามค้านยืนยันว่า ตนทราบว่าจำเลยอยู่กับนายณัฐพงษ์โดยเป็นคนรัก น่าเชื่อว่าคำให้การของบุคคลทั้งสองในชั้นสอบสวนนั้นเป็นความจริงเนื่องจากเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ใกล้ชิดต่อเหตุการณ์ อีกทั้งเป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้ของนายโชคชัยและนายทศพลทั้งสิ้น ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน อีกทั้งนายโชคชัยและนายทศพลก็ลงลายมือชื่อในฐานะผู้ให้ถ้อยคำซึ่งอยู่ใต้ข้อความที่ว่า “อ่านให้ฟังและให้อ่านเองแล้วรับว่าถูกต้อง” จึงเชื่อว่าก่อนหน้าที่นายโชคชัยและนายทศพลจะลงลายมือชื่อท้ายคำให้การชั้นสอบสวนนั้น พนักงานสอบสวนได้อ่านรายละเอียดในบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนให้คนทั้งสองฟังแล้ว และคนทั้งสองรับว่าถูกต้องจึงลงลายมือชื่อไว้ จึงเชื่อว่าคำเบิกความของนายโชคชัยและนายทศพลในชั้นพิจารณาดังกล่าวน่าจะเกิดจากความต้องการที่จะช่วยเหลือจำเลยมากกว่า คำเบิกความในชั้นพิจารณาของบุคคลทั้งสองในส่วนนี้จึงไม่อาจเชื่อถือรับฟังว่าเป็นความจริงได้ เชื่อว่านายโชคชัยและนายทศพลต่างก็รู้จักจำเลยและเคยพบเห็นจำเลยอยู่ใกล้ชิดกับนายณัฐพงษ์โดยตลอดในระหว่างการส่งมอบเมทแอมเฟตามีน ส่วนที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าแม้จำเลยเป็นคนรักใกล้ชิดกับนายณัฐพงษ์แต่จำเลยก็ไม่ได้สมคบช่วยเหลือนายณัฐพงษ์ตามที่ถูกกล่าวหา จำเลยมอบสมุดบัญชีเงินฝากทั้งสองของจำเลยตามฟ้องและบัตรเอทีเอ็มให้แก่นายณัฐพงษ์ไปใช้ก็จริง แต่จำเลยไม่ทราบว่านายณัฐพงษ์นำบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปใช้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ตาม แต่ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวมีพิรุธน่าสงสัยหลายประการ กล่าวคือ ในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความว่า จำเลยเปิดบัญชีของกลางทั้งสองบัญชีในปี 2555 โดยเปิดไว้ไม่มีจุดประสงค์ให้ผู้ใดนำไปใช้โอนเงินค่ายาเสพติด แต่จำเลยเปิดไว้เพื่อนำเงินเข้าออกใช้เป็นส่วนตัวเอง จำเลยรู้จักนายณัฐพงษ์เมื่อปี 2556 คบหากันในฐานะฉันชู้สาว ไม่ได้อยู่ร่วมกัน นายณัฐพงษ์เป็นหนี้สินอยู่กับจำเลย จำเลยมอบสมุดบัญชีเงินฝากรวมทั้งบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเบิกถอนเงินในบัญชีให้นายณัฐพงษ์เพื่อให้นายณัฐพงษ์โอนเงินคืน และจำเลยเลิกรากับนายณัฐพงษ์เมื่อปลายปี 2556 จำเลยเคยทวงถามสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็ม แต่นายณัฐพงษ์ไม่ยอมคืนให้แม้หลังเลิกกันแล้ว ส่วนในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2556 นายณัฐพงษ์มาขอใช้บัญชีเงินฝากของจำเลย จำเลยก็ให้บัตรเอทีเอ็มไปโดยไม่ได้ถามว่าเอาไปทำอะไร เนื่องจากจำเลยมีบัญชีเงินฝากอีกเล่มที่เอาไว้รับเงินจากการทำงาน จนเมื่อนายณัฐพงษ์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเมื่อประมาณต้นปี 2557 นายณัฐพงษ์ก็หายหน้าไปไม่สามารถติดต่อได้ จึงเป็นเรื่องน่าแปลกว่าจำเลยคบกับนายณัฐพงษ์ในฐานะคนรักและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจำเลยจะไม่สอบถามนายณัฐพงษ์ว่าประกอบอาชีพใด อีกทั้งจำเลยไม่เคยรู้จักนายณัฐพงษ์มาก่อน แต่ในชั้นสอบสวนจำเลยกลับให้การว่าจำเลยมอบบัตรเอทีเอ็มให้นายณัฐพงษ์ไปโดยไม่ได้สอบถามว่าเอาไปทำอะไร ครั้นเมื่อจำเลยเลิกรากับนายณัฐพงษ์โดยนายณัฐพงษ์ไม่ได้คืนบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีเงินฝากให้แก่จำเลย แทนที่จำเลยจะอายัดบัตรเอทีเอ็มและบัญชีเงินฝากทั้งสองดังกล่าว เพื่อมิให้เกิดปัญหาในภายหน้าแต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องพิรุธน่าสงสัย อีกทั้งจำเลยเพิ่งเบิกความในชั้นพิจารณาว่าจำเลยมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้นายณัฐพงษ์ไปด้วย ไม่ได้ให้ไปเฉพาะบัตรเอทีเอ็มซึ่งแตกต่างจากในชั้นสอบสวนที่ให้การว่าให้ไปเฉพาะบัตรเอทีเอ็ม ก็อาจเป็นข้อแก้ตัวของจำเลยซึ่งคิดขึ้นในภายหลังให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ถือสมุดบัญชีเงินฝาก จึงไม่อาจทราบถึงการเคลื่อนไหวทางบัญชีว่ามีเงินเข้าออกตลอดเวลาก็เป็นได้ และที่จำเลยอ้างว่า นายณัฐพงษ์เป็นหนี้จำเลยก็ไม่ได้ความว่าเป็นหนี้ค่าอะไร จำนวนเท่าใดและยอดเงินจำนวนไหนในสมุดบัญชีเงินฝากที่เป็นการโอนเงินเพื่อชำระหนี้ ข้อกล่าวอ้างของจำเลยจึงไม่สมเหตุผล นอกจากนี้การที่จำเลยอ้างว่าเลิกคบกับนายณัฐพงษ์ตั้งแต่ปลายปี 2556 แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากทั้งสองดังกล่าวหรือแม้จะดำเนินการติดตามเอาสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มคืนหรืออายัดบัตรเอทีเอ็มและปิดบัญชีทั้งสองแต่อย่างใด จึงเป็นการผิดปกติวิสัยของผู้เป็นเจ้าของบัญชีที่ปล่อยให้ผู้อื่นนำบัตรเอทีเอ็มและบัญชีเงินฝากไปใช้โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่ตามมาภายหลัง จำเลยประกอบอาชีพเป็นพนักงานนำเสนอเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นการเดินสายไปในที่ต่าง ๆ แต่จำเลยก็ไม่ได้นำหลักฐานการทำงานของจำเลยมาประกอบในช่วงที่จำเลยเลิกคบกับนายณัฐพงษ์ตั้งแต่ปลายปี 2556 จนกระทั่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 เพื่อแสดงให้เห็นถึงแหล่งที่อยู่อาศัยและการดำรงชีพของจำเลยว่าหลังจากจำเลยเลิกคบกับนายณัฐพงษ์แล้วจำเลยไม่ได้ติดต่อหรือเกี่ยวข้องกับนายณัฐพงษ์ตามที่อ้าง พยานหลักฐานของโจทก์เมื่อรับฟังประกอบกันทั้งหมดแล้วรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้รู้เห็นเป็นใจในการให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือแก่นายณัฐพงษ์ให้ใช้บัญชีเงินฝากทั้งสองของจำเลยตามฟ้องในกิจการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของนายวันชัยและนายโชคชัยในการชำระเงินค่าเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายณัฐพงษ์ จากการซื้อขายเมทแอมเฟตามีน 6,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 104.689 กรัม อันเป็นการสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิดและในขณะเดียวกันจำเลยก็รู้เห็นเป็นใจโดยเป็นผู้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจากนายโชคชัยและลูกค้าอื่นเพื่อประโยชน์และให้ความสะดวกแก่นายณัฐพงษ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาข้ออื่นของจำเลยเป็นฎีกาปลีกย่อย ไม่เป็นสาระอันควรแก่การวินิจฉัย เนื่องจากไม่ทำให้ผลของคำพิพากษาศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เห็นควรวินิจฉัยให้
พิพากษายืน

Share