แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะมีสิทธิขอถอนฟ้องในเวลาใดก็ได้ก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษา แต่การที่ศาลดังกล่าวจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่ย่อมเป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และ เหตุผลทั่วๆไปในคดี รวมทั้งพิจารณาถึงความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์และผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่าย เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนี้เพราะโจทก์เข้าใจว่าจะต้องแพ้คดี ซึ่งหากศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีแล้ว นอกจากโจทก์จะไม่ได้ค่าธรรมเนียมศาลที่ได้ชำระไว้คืนแล้ว ยังอาจจะต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่จำเลยทั้งสามอีกด้วย ดังนั้นการขอถอนฟ้องของโจทก์จึงมิได้เป็นไปโดยสุจริต อาจทำให้จำเลยเสียเปรียบ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 104 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมานั้นเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้น เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ไว้เป็นอันดับแรก ซึ่งศาลต้องหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยก่อนประเด็น ข้อพิพาทข้ออื่น เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างก็ได้อ้างสำนวนคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางซึ่งเป็นมูลคดีเดียวกันมาเป็นพยานของตน และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางก็เห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้และข้อเท็จจริงในคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งเพียงพอให้รับฟังได้เป็นยุติ และเพียงพอในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ ซึ่งจะทำให้คดีเสร็จไปได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นอีกต่อไป ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยานและพิพากษาคดีไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 15,523,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ชั้นชี้สองสถาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง กำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยให้โจทก์นำพยานเข้าสืบก่อนดังนี้
1. โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่
2. จำเลยทั้งสามต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่
3. ค่าเสียหายเกิน 100,000 บาท หรือไม่ และต้องคิดในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอัตราใด
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขออ้างสำนวนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค. 10/2541 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นพยาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่า คดีนี้กับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 เป็นมูลคดีเดียวกัน พยานหลักฐานที่คู่ความอ้างเป็นชุดเดียวกัน จึงให้นัดพร้อมเพื่อสอบถามและจัดเตรียมพยานหลักฐานก่อนการสืบพยาน
ในวันนัดพร้อมคู่ความแถลงร่วมกันว่า คดีนี้กับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 เป็นมูลกรณีเดียวกัน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายโจทก์แถลงว่า จะมีการประชุมกรรมการบริษัทโจทก์เกี่ยวกับเรื่องการถอนฟ้อง ขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีนี้ออกไปก่อน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาตให้เลื่อน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ตามที่เลื่อนมา ทนายโจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะถอนฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 จะมีคำพิพากษาโดยเลื่อนไปนัดพร้อมในอีก 2 เดือนถัดไป เมื่อถึงวันนัดพร้อมศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้แจ้งให้คู่ความทราบว่าคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 ได้มีคำพิพากษาแล้ว และเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้เพียงพอที่จะพิจารณาพิพากษาได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานและให้คู่ความรอฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอ้างว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีนี้ต่อไป จำเลยทั้งสามแถลงคัดค้านว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องมาตั้งแต่ต้น และขณะฟ้องคดีโจทก์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ยังมิได้ชดใช้เงินจำนวนใด ๆ ให้แก่ผู้ได้รับความเสียหาย เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิล่วงหน้าเท่านั้น ทนายโจทก์แถลงรับว่าโจทก์ยังมิได้ชดใช้เงินจำนวนใด ๆ ให้แก่บุคคลใด
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า ใน (วัน) นัดพิจารณาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2541 และวันที่ 12 พฤศจิกายน 2541 ทนายโจทก์ได้แถลงผลการพิจารณาของโจทก์เกี่ยวกับความประสงค์ที่จะถอนฟ้องคดีนี้ ซึ่งทนายโจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่มีความประสงค์จะขอถอนฟ้องคดีนี้ ทั้งข้อเท็จจริงตามที่โจทก์รับก็ปรากฏว่าในคดีนี้โจทก์ยังมิได้ชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายอยู่แล้ว หากอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องย่อมไม่เป็นธรรมแก่จำเลย ทั้งคดีนี้ศาลได้ทำคำพิพากษาไว้พร้อมแล้วด้วย จึงไม่มีเหตุอันควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสาม โดยกำหนดค่าทนายความให้จำเลยทั้งสามคนละ 10,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีของตนในเวลาใดก็ได้ก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาก็ตาม แต่การที่ศาลดังกล่าวจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ย่อมเป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลทั่ว ๆ ไปในคดี รวมทั้งพิจารณาถึงความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์ และผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่ายด้วย การที่โจทก์ขอถอนฟ้องคดีนี้ก็เพราะโจทก์เข้าใจว่าโจทก์จะต้องแพ้คดี ซึ่งทนายโจทก์ย่อมทราบดีว่า หากศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีแล้ว นอกจากโจทก์จะไม่ได้ค่าธรรมเนียมศาลที่ได้ชำระไว้คืนแล้ว ยังอาจจะต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่จำเลยทั้งสามอีกด้วย พฤติการณ์การขอถอนฟ้องของโจทก์จึงมิได้เป็นไปโดยสุจริต อาจทำให้จำเลยเสียเปรียบ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นจึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 104 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมานั้นเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้น คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ไว้เป็นอันดับแรก ซึ่งศาลต้องหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยก่อนประเด็นข้อพิพาทข้ออื่น เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสามต่างก็ได้อ้างสำนวนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งเป็นมูลคดีเดียวกันมาเป็นพยานของตน และศาลได้มีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาแล้วและศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้และข้อเท็จจริงในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค.10/2541 เพียงพอให้รับฟังได้เป็นยุติ และเป็นข้อเท็จจริงที่เพียงพอในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ ซึ่งจะทำให้คดีเสร็จไปได้โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นอีกต่อไป ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยานและพิพากษาคดีไปได้
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยทั้งสามคนละ 1,500 บาท