คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7787/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยนำอาวุธมีดที่ติดตัวออกมาวางบริเวณเสื่อที่จัดเตรียมไว้แล้วจึงกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมิได้ยืนยันว่าจำเลยใช้อาวุธมีดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายยอมให้จำเลยกระทำชำเรา เมื่อจำเลยสำเร็จความใคร่แล้ว จำเลยนำอาวุธมีดมาถือไว้และข่มขู่ผู้เสียหายมิให้บอกแก่ผู้อื่นว่าถูกจำเลยกระทำชำเรา ซึ่งเป็นการใช้อาวุธมีดหลังจากที่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พยานหลักฐานตามทางนำสืบของโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยยังไม่อาจรับฟังให้เป็นที่พอใจว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายโดยใช้อาวุธ อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสาม คงรับฟังให้เป็นยุติได้แต่เพียงว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 (ที่ถูก มาตรา 277) วรรคแรกและวรรคสาม อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 10 ปี และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้อาวุธ จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี คงจำคุก 5 ปี และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้อาวุธคงจำคุก 25 ปี รวมจำคุก 30 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า สมควรลงโทษจำเลยในความผิดกระทงที่สองฐานกระทำกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้อาวุธในสถานเบา หรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้มีดปลายแหลม 1 เล่ม เป็นอาวุธข่มขู่บังคับผู้เสียหาย โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวอย่างสิ้นกระแสความ แม้ผู้เสียหายจะเบิกความในตอนแรกว่าในขณะที่จำเลยพาผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยได้นำอาวุธมีดยาวประมาณ 1 ศอก มาข่มขู่ผู้เสียหาย แต่ภายหลังผู้เสียหายก็เบิกความใหม่ว่า ก่อนที่จำเลยจะกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยนำอาวุธมีดที่ติดตัวออกมาวางบริเวณเสื่อที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ โดยผู้เสียหายมิได้ยืนยันเลยว่าจำเลยใช้อาวุธมีดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายยอมให้จำเลยกระทำชำเรา และผู้เสียหายเบิกความว่า เมื่อจำเลยสำเร็จความใคร่แล้ว จำเลยนำอาวุธมีดมาถือไว้และข่มขู่ผู้เสียหายมิให้บอกแก่ผู้อื่นว่าถูกจำเลยกระทำชำเราซึ่งเป็นการใช้อาวุธมีดหลังจากที่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พยานหลักฐานตามทางนำสืบของโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยยังไม่อาจรับฟังให้เป็นที่พอใจว่าในความผิดกระทงที่สองนั้นจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายโดยใช้อาวุธ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม คงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ในความผิดกระทงที่สองนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277 วรรคสาม โดยไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 277 วรรคแรก ประกอบมาตรา 215 และ 225 เมื่อข้อวินิจฉัยดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ขอให้ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้อาวุธในสถานเบาจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง วางโทษจำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 5 ปี รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 10 ปี ยกฟ้องความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้อาวุธ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.

Share