แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโจทก์ มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ แต่ให้สิทธิโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเมื่อใดก็ได้ดังนี้ โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แต่แรกที่จำเลยเบิกเงินไปจากโจทก์ ส่วนการเบิกเงินเกินบัญชีและการผ่อนชำระเงินที่ทำโดยวิธีการของธนาคาร ซึ่งจะเรียกว่าบัญชีเดินสะพัดหรือบัญชีกระแสรายวันก็ตาม ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับนี้————————————————-เมื่อปรากฏว่านับจากวันที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายเป็นการชำระดอกเบี้ย อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง จนถึงวันฟ้องเกินกว่าสิบปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์ โดยเปิดบัญชีกระแสรายวันไว้ บัญชีเลขที่ ๒๗๘ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๓ จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท โดยยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดดอกเบี้ยเป็นรายเดือน โดยคิดทบต้นตามประเพณีของธนาคารพาณิชย์ ต่อมาจำเลยได้เบิกเงินไปจากโจทก์และนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักหนี้หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำเลยนำเงินเข้าบัญชีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ จำนวน ๕๐,๐๕๐.๔๘ บาท เมื่อหักกับหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก ๓๑,๘๔๙.๑๒ บาท ตามสำเนาบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องหมายเลข ๓ โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้จำนวนนี้หลายครั้งแล้วจำเลยเพิกเฉยจึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๓๑,๘๔๙.๑๒ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๔ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแก่โจทก์
จำเลยให้การและขอเพิ่มเติมว่า จำเลยเคยเปิดบัญชีกระแสรายวันเลขที่ ๒๗๘ กับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (สาขานครสวรรค์) เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว ระหว่างนายตุ๊ จิตราทร เป็นผู้จัดการดำเนินการธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (สาขานครสวรรค์) ในฐานะเป็นตัวแทน โดยเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๓ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท สำเนาบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องหมาย ๓ เป็นเท็จ ตามบัญชีแผ่นที่ ๑๑ ปรากฏว่าหนี้ของจำเลยซึ่งมีอยู่ต่อโจทก์ขาดอายุความ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๑๓ ต้องโอนหนี้ของจำเลยให้เอเย่นต์เป็นผู้รับผิดชอบ ต่อมาโจทก์ได้ตั้งผู้จัดการขึ้นใหม่แทนนายตุ๊ จิตราทร โจทก์กับผู้จัดการคนใหม่สมคบกันทำหลักฐานเท็จปลอมเอกสารบัญชีเดินสะพัดเลขที่ ๒๗๘ และฉ้อโกงจำเลย โดยนำเงินจำนวน ๕๐,๐๕๐.๔๘ บาท เข้าบัญชีใส่ชื่อจำเลยไว้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยเพื่อให้เห็นว่าจำเลยยอมรับสภาพหนี้ที่ขาดอายุความแล้ว ปรากฏตามสำเนาบัญชีหมายเลข ๓ แผ่นที่ ๑๓ ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๑๓ อย่างไรก็ตามโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๕ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ความผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีต่อกันโดยการแปลงหนี้ใหม่คือ นายตุ๊ จิตราทร เอเย่นต์ของโจทก์ยอมรับเข้ามาเป็นลูกหนี้แทนจำเลยแล้ว
ศาลชั้นต้นชี้สองสถาน กำหนดประเด็นไว้ ๒ ข้อคือ ๑ จำเลยเป็นหนี้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยเพียงใดหรือไม่ ๒ อายุความเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน ๓๑,๘๔๙ บาท ๑๒ สตางค์ กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๓ จำเลยได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโจทก์ เป็นจำนวนไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท มิได้กำหนดเวลาชำระตามเอกสารหมาย จ.๑๑ (ภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.๒) จำเลยได้เบิกเงินไปจากธนาคารโจทก์ และนำเงินเข้าบัญชีเป็นคราว ๆ ตามบัญชีเลขที่ ๒๗๘ ครั้งสุดท้ายจำเลยนำเงินจำนวน ๓๐๐ บาท เข้าบัญชีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๐๕ เป็นการชำระดอกเบี้ย วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ นายแดง จิตราทร ได้นำเงินเข้าบัญชีเป็นการชำระหนี้แทนจำเลยจำนวน ๕๐,๐๕๐ บาท ๔๘ สตางค์ คงเหลือยอดเงินที่จำเลยคงเป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่อีก ๓๑,๘๔๙ บาท ๑๒ สตางค์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวข้างต้นความในข้อ ๔ ไม่ได้กำหนดเวลาการชำระหนี้ไว้ แต่ให้สิทธิแก่ผู้ให้กู้ที่จะเรียกร้องให้ผู้กู้ชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเมื่อใดก็ได้ ตามแต่ผู้ให้กู้จะเห็นสมควรและโดยมิพักต้องชี้แจงเหตุ ในกรณีที่ผู้ให้กู้เรียกร้องดังกล่าวมานี้ผู้กู้จะต้องชำระหนี้ตามคำเรียกร้องโดยมิอิดเอื้อน ฉะนั้นธนาคารโจทก์ผู้ให้กู้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แต่แรกที่จำเลยเบิกเงินไปจากธนาคารโจทก์ ส่วนการเบิกเงินเกินบัญชีและการผ่อนชำระเงินจะทำโดยวิธีการของธนาคารซึ่งจะเรียกว่า บัญชีเดินสะพัดหรือบัญชีกระแสรายวันอย่างใดก็แล้วแต่ ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับนี้ จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับบัญชีเดินสะพัดมาปรับโดยตรงดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหาได้ไม่
จำเลยชำระดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๐๕ อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว หลังจากนั้นจำเลยก็มิได้นำต้นเงินหรือดอกเบี้ยชำระให้อีกจนถึงวันฟ้อง คือวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๕ เกินสิบปีแล้ว การชำระหนี้ของนายแดงแทนจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้คดีของโจทก์ขาดอายุคความฟ้องร้องแล้วฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความสองศาลให้รวม ๗๐๐ บาท