แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การใช้เช็คชำระเงินกู้ย่อมเป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรค3 จึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2
ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2505)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ 82,500 บาท
จำเลยต่อสู้ว่า ได้ชำระแล้วโดยเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ เลขที่ เอ.034237 ลงวันที่ 16 กันยายน 2496
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยนำสืบการใช้เงินไม่ได้ ขัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการนำสืบการใช้เงินกู้ต้องมีหลักฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 จึงถือว่าจำเลยนำสืบเรื่องการชำระหนี้ไม่สมข้อต่อสู้ พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ฯลฯ แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยนำสืบการชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรค 3 เชื่อข้อนำสืบของจำเลยว่าได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า การชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยเงินไม่อยู่ในข้อบัญญัติ มาตรา 321 จึงต้องปฏิบัติตามมาตรา 653 วรรค 2
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า “การชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็คเป็นการชำระหนี้ด้วยเงิน ไม่อยู่ในข้อบัญญัติตามมาตรา 321 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” นั้น ในที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า กรณีใช้เช็คชำระหนี้เงินกู้ เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตาม มาตรา 321 วรรค 3 ฉะนั้น จึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน จึงไม่ต้องด้วย มาตรา 653วรรค 2 ศาลย่อมรับฟังพยานบุคคลของจำเลยที่นำสืบในเรื่องการชำระหนี้นั้นได้
ในที่สุด คดีเรื่องนี้ศาลฎีกาเชื่อตามพยานหลักฐานว่า จำเลยได้ชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว พิพากษายืน