คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7663/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ความผิดต่อชีวิต
++ โจทก์ฎีกา
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรม
++ เล่มที่ 10 หน้า 238 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
++ ผู้ตายถูกจำเลยทำร้ายร่างกาย โดยใช้มีดพร้าฟันบริเวณลำคอ2 ครั้ง จนระบบหายใจเป็นอัมพาตและถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุประมาณ 56 วันปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ว่า การตายของผู้ตายเกิดจากภาวะหายใจล้มเหลวจากปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากระบบหายใจเป็นอัมพาต อันเนื่องจากไขสันหลังช่วงคอถูกทำลายซึ่งเป็นผลที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายทั้งสิ้นและผู้ตายถึงแก่ความตายขณะที่ยังต้องรักษาอาการที่เกิดจากการถูกจำเลยทำร้าย และไม่ปรากฏว่ามีเหตุพิเศษอื่นใดเกิดขึ้นกับผู้ตายอีก การตายของผู้ตายจึงเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้าย
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานปากใดเบิกความยืนยันว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้ตายเมื่อใด ในลักษณะใดอันจะชี้ให้เห็นว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การที่จำเลยฟันทำร้ายในขณะที่ผู้ตายนอนหลับ จะถือว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนน่าจะยังไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยอาจเกิดอารมณ์ชั่ววูบขณะเห็นผู้ตายนอนหลับจึงใช้มีดพร้าฟันไปทันทีก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องสันนิษฐานในทางที่เป็นคุณให้แก่จำเลยว่ามีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 เท่านั้น

ย่อยาว

เรื่อง ความผิดต่อชีวิต
โจทก์ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ลงวันที่ ๓ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๐
ศาลฎีกา รับวันที่ ๑๓ เดือน ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เวลากลางวันจำเลยใช้มีดพร้าไม่มีด้าม ตัวมีดยาวประมาณ ๓ นิ้ว คนมีดกว้างประมาณ๒.๘ นิ้ว ฟันนายเนาวรัตน์ ศีลสัตย์ธรรม ผู้ตาย ๒ ครั้ง ที่บริเวณคอด้านซ้ายของผู้ตาย โดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้ผู้ตายบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลละแม อำเภอละแมจังหวัดชุมพร วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เจ้าพนักงานยึดได้มีดพร้าดังกล่าวเป็นของกลาง ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ (๔), ๓๓ และริบมีดพร้าของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) ให้ประหารชีวิต คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๗๘ คงจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๒ (๑)มีดพร้าของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐จำคุก ๑๐ ปี คำให้การชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุก ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกาผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน ต่อมาเวลาประมาณ ๑๕ นาฬิกา นางสาวเรณู ศีลสัตย์ธรรม บุตรของผู้ตายและจำเลยกลับมาบ้าน เห็นผู้ตายนอนคว่ำหน้าอยู่บนแคร่หน้าบ้าน เข้าใจว่ากำลังนอนพักผ่อน สักครู่หนึ่งก็ได้ยินผู้ตายเรียกชื่อ จึงมาดูเห็นโลหิตไหลออกจากคอผู้ตาย จึงรีบตามพี่น้องมาช่วยกันนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลละแม นายแพทย์เอกชัยมุกดาพิทักษ์ รักษาเบื้องต้น และทำรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลไว้ตามเอกสารหมาย จ.๓ แล้วส่งผู้ตายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี นายแพทย์ศิริศักดิ์ เจนวณิชสถาพร รักษาผู้ตายจนถึงวันที่๓๐ มีนาคม ๒๕๓๘ ผู้ตายถึงแก่กรรม รายละเอียดปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง พันตำรวจโทประยูร ครุฑมุสิกพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอละแมสอบสวนแล้วได้ความว่า จำเลยเป็นคนร้าย ชั้นสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยให้การรับสารภาพ
จำเลยนำสืบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ ๕ ถึง ๖ เดือนจำเลยกับผู้ตายทะเลาะกันบ่อย ๆ ด้วยเหตุที่ผู้ตายไปติดพันหญิงอื่นและผู้ตายมักทำร้ายร่างกายจำเลยทุกครั้งที่ทะเลาะกัน วันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา ผู้ตายเมาสุรากลับบ้าน ทะเลาะกับจำเลยและทำร้ายร่างกายจำเลย ทำให้จำเลยโกรธ เมื่อผู้ตายนอนหลับเพราะฤทธิ์สุรา จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตายสองครั้ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ วินิจฉัยว่า เมื่อวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยใช้มีดพร้าของกลางฟันบริเวณลำคอผู้ตายสองครั้งโดยมีเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุประมาณ ๕๖ วัน รายละเอียดของบาดแผลปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.๓ และรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามข้อฎีกาของโจทก์ว่า การตายของผู้ตายเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายหรือไม่ และจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การตายของผู้ตายเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายหรือไม่ โจทก์มีนายแพทย์ศิริศักดิ์ เจนวณิชสถาพร เป็นพยานเบิกความว่า ผู้ตายถูกฟันที่ต้นคอซ้าย มีบาดแผลลึกสองแผล แผลแรกลึกถึงกระดูกสันหลังช่วงข้อที่ ๔ ถึงข้อที่ ๕ ตัดเส้นประสาทไขสันหลังขาดเป็นเหตุให้ผู้ตายเคลื่อนไหวแขนขาไม่ได้ และเป็นผลให้กล้ามเนื้อระบบหายใจของผู้ตายเป็นอัมพาตนั้น เห็นว่า ผู้ตายถูกทำร้ายจนระบบหายใจเป็นอัมพาต เมื่อพิจารณาตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง ปรากฏว่า การตายของผู้ตายเกิดจากภาวะหายใจล้มเหลว จากปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากระบบหายใจเป็นอัมพาต อันเนื่องจากไขสันหลังช่วงคอถูกทำลาย ซึ่งก็เป็นผลที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายทั้งสิ้น และผู้ตายถึงแก่ความตายขณะที่ยังต้องรักษาอาการที่เกิดจากการถูกจำเลยทำร้าย และไม่ปรากฏว่ามีเหตุพิเศษอื่นใดเกิดขึ้นกับผู้ตายอีก การตายของผู้ตายจึงเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้าย ความเห็นในข้อนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค ๓ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
จำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานปากใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายเมื่อใด ในลักษณะใดอันจะชี้ให้เห็นว่า จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การที่จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนอนหลับจะถือว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะยังไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยอาจเกิดอารมณ์โกรธชั่ววูบขณะเห็นผู้ตายนอนหลับ จึงใช้มีดพร้าฟันไปทันทีก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องสันนิษฐานในทางเป็นคุณให้แก่จำเลยความเห็นข้อนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค ๓ จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ วางโทษจำคุก ๑๕ ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย ๑๐ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๓.

Share