แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทง ฐานมีเฮโรอีน จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก 5 ปี จึงเป็นการพิพากษายืนในความผิดกระทงนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๔ มาตรา ๔ ทวิ, ๒๐ ทวิ, ๒๐ ตรี, ๒๗, ๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๑๐ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔, ๖, ๗, ๑๒ ให้จำคุกจำเลยฐานมีเฮโรอีน ๑ ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน ๕ ปี รวม ๖ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๗๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๒๐ ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๕ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ๒ กระทง คือ ฐานมีเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน แต่ละกระทงวางโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน ๕ ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก ๕ ปี จึงเป็นการพิพากษายืนในความผิดกระทงนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ให้ยกฎีกาจำเลย