คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7439/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาเรื่องอายุความไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง อำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมากล่าวในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาได้ การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหายมาด้วยนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง แต่อย่างใด แม้โจทก์มิได้บอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโดยได้รับมรดกมาจากมารดาตั้งแต่ปี 2512 โจทก์เสียภาษีบำรุงท้องที่และครอบครองที่ดินตลอดมา เมื่อเดือนมิถุนายน 2531 จำเลยเข้าไปล้อมรั้วรอบที่ดินและปลูกมันสำปะหลังบนที่ดินดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป และให้จำเลยชำระค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทจำเลยได้ทำประโยชน์ในที่ดินและเสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินพิพาทตลอดมาจำเลยล้อมรั้วกั้นเขตที่ดินของจำเลย จำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยและไม่มีอำนาจบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้กระทำละเมิดเข้าไปตัดครั่งในที่ดินของจำเลยทำให้พืชผลที่จำเลยปลูกไว้ที่ดินพิพาทและรั้วของจำเลยที่ล้อมที่ดินพิพาทเสียหายขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ชำระค่าเสียหาย
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ให้ยกคำขออื่นของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193 เดิม (มาตรา 193/29 ใหม่) ศาลจะหยิบยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อจำเลยได้ยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ ฉะนั้นปัญหาเรื่องอายุความจึงไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การคดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้มีหนังสือบอกกล่าวก่อนฟ้องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้นั้น แม้จำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมากล่าวในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงมีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาได้ แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้องแต่อย่างใด แม้โจทก์มิได้บอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน

Share