แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 15,000 บาท และว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามวันกำหนดบัดนี้ถึงวันกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริง แต่กู้และรับเพียง 10000 บาท ที่เขียนในสัญญาเป็น 15000 บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก 5,000 บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะ ฟ้องร้องบังคับจำเลยไม่ด้
ตามฟ้องและคำให้การของจำเลยดังกล่าวฝ่ายจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วยเพราะมิใช่เป็นการสืบแก้สัญญา แต่เป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ศาลจึงไม่ควรด่วนงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษา แต่จะต้องให้สืบพยานกันต่อไปตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 วรรค 2.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเงินกู้เงินโจทก์ไป ๑๕,๐๐๐ บาท และสัญญาว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามวันกำหนดแต่ถึงกำหนดจำเลยมิได้ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินต้น ๑๕,๐๐๐ บาทดอกเบี้ยแต่วันกู้ถึงวันฟ้อง กับดอกเบี้ยแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์ไปจริงแต่กู้และรับเงินเพียง ๑๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ที่เขียนไว้ในสัญญาเป็น ๑๕,๐๐๐ บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก ๕,๐๐๐ บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะจะฟ้องร้องบังคับหาได้ไม่
ได้ความตามฟ้องและคำให้การดังนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยจะนำสืบไม่ได้ว่าโจทก์เจตนาคิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก ๕,๐๐๐ บาท เพราะเป็นการสืบแก้สัญญา จึงงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยแต่วันกู้จนถึงวันฟ้อง ๑,๕๐๐ บาท กับให้เสียดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๕,๐๐๐ บ. แต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จอีกด้วย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยนำสืบไปว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรค ๒ หาใช่เป็นการสืบแก้ไขสัญญาไม่ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยจะนำสืบไม่ได้
ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีแล้วเห็นว่าการที่จำเลยจะขอสืบว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วย ๕,๐๐๐ บ. นั้นเป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ฉนั้นจำเลยจึงนำสืบได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรค ๒ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาถูกต้องแล้ว จึงพิพากษายืน.