แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอยู่ในที่พิพาทมาแต่ปี 2517 ก่อนโจทก์ขอออกประทานบัตรจำเลยไม่เคยให้หลักฐานแสดงความยินยอมให้โจทก์ไปแสดงให้เป็นที่พอใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าโจทก์มีสิทธิทำเหมืองแร่ในเขตที่พิพาทตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 50 โจทก์จึงไม่อาจนำประทานบัตรที่ได้รับมาอ้างว่าที่พิพาทอยู่เขตประทานบัตร จำเลยโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมให้เป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองแร่โดยได้รับประทานบัตรเลขที่ 13673/12492 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2522 และสิ้นสุดอายุประทานบัตรในปี 2547 มีพื้นที่กำหนดตามประทานบัตรอยู่ในเขตท้องที่หมู่ที่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นเนื้อที่ทั้งสิ้น 177 ไร่ 3 งาน 8 ตารางวา เมื่อ ประมาณปี 2525 จำเลยทั้งสองเข้าปลูกบ้านเลขที่ 57 และทำไร่ในเขตพื้นที่ประทานบัตรของโจทก์รวมเนื้อที่ 65 ไร่ทำให้โจทก์ไม่สามารถทำเหมืองแร่ได้ครบถ้วน เป็นการขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ของโจทก์ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองอยู่บทที่ดินในเขตประทานบัตรของโจทก์ จึงให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากเขตประทานบัตรของโจทก์ จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านเลขที่ 57 ดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างอื่นออกไปจากที่ดินในเขตประทานบัตรของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองพร้อมบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินตามประทานบัตรของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่เคยได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมให้เป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองแร่ในเขตท้องที่หมู่ที่ 3ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ใบประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่โจทก์อ้างในฟ้องหากมีจริงก็เป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินพื้นที่ประมาณ 65 ไร่ ตามฟ้อง โดยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ก่อนปี 2517 ก่อนหน้าที่โจทก์ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ ที่ดินดังกล่าวอยู่นอกเขตประทานบัตรของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยทั้งสอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านเลขที่ 57หมู่ที่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินในเขตประทานบัตรของโจทก์ และห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินตามประทานบัตรของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามข้อนำสืบโจทก์จำเลยและคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองว่า ที่พิพาทตามคำฟ้องจำเลยได้เข้าครอบครองดูแลปลูกบ้านอยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2517 ประทานบัตรเลขที่ 13673/12492 ของโจทก์ออกเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2522ปัญหาตามฎีกาจำเลยทั้งสองมีว่า จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าโต้แย้ง หรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ของโจทก์หรือไม่ ปัญหานี้โจทก์เบิกความว่า โจทก์เป็นเจ้าของประทานบัตรตามเอกสารหมาย จ.6จำเลยที่ 1 และบุตรชายบุกรุกเข้าไปในเขตประทานบัตรของโจทก์เพื่อทำไร่ คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ทำให้โจทก์ไม่สามารถทำเหมืองแร่ได้ โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนออกไป แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออกโจทก์จึงมอบให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าว และมอบอำนาจให้นายโสภณดำเนินคดีจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยเป็นคนอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 127หมู่ที่ 1 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และในปี 2517จำเลยย้ายออกไปอยู่ที่สามแยกทุ่งเจดีย์ ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้งจังหวัดราชบุรี ปรากฎตามเอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 หลังจากปลูกบ้านในที่ย้ายใหม่แล้วได้บ้านเลขที่ 57 ต่อมาปี 2527 โจทก์จ้างจำเลยที่ 1ไปทำงานเหมืองแร่ซึ่งอยู่ฟากถนนตรงข้างบ้านจำเลยที่ 1 ระหว่างจำเลยที่ 1 พักอาศัยอยู่ไม่เคยมีใครมาว่าจำเลยที่ 1 บุกรุกที่ประทานบัตรของโจทก์และไม่เคยมีใครมาขุดเจาะหรือสำรวจในที่ดินที่จำเลยที่ 1เข้าอยู่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 73(4)ให้อำนาจโจทก์เจ้าของประทานบัตรนำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้ง หรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่โจทก์ และมาตรา 50บัญญัติว่า ถ้าที่ซึ่งขอประทานบัตรเป็นที่อันมิใช่ที่ว่าง หรือมีที่อันมิใช่ที่ว่างรวมอยู่ในเขต ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงหลักฐานให้เป็นที่พอใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองในเขตที่นั้นได้ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอนำหนังสืออนุญาตของผู้มีสิทธิในที่นั้นมาแสดงว่าผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองได้หนังสือนั้นต้องมีคำรับรองของนายอำเภอประจำท้องที่ประกอบด้วย คดีนี้จำเลยที่ 1 อยู่ในที่พิพาทมาแต่ปี 2517 ก่อนโจทก์ขอออกประทานบัตร จำเลยที่ 1 ไม่เคยให้หลักฐานแสดงความยินยอมให้โจทก์ไปแสดงให้เป็นที่พอใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าโจทก์มีสิทธิทำเหมืองแร่ในเขตที่พิพาท โจทก์จึงไม่อาจนำประทานบัตรที่ได้รับมาอ้างว่าที่พิพาทอยู่เขตประทานบัตร จำเลยโต้แย้ง ขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ของโจทก์และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์