แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่โจทก์ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในวันที่29 มกราคม 2535 โจทก์มีรายได้หรือมูลค่าของฐานภาษีในปีที่ผ่านมาคือปี 2534 ไม่เกิน 1,200,000 บาทโจทก์ย่อมมีสิทธิจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 82/16 ซึ่งเสียภาษี ในอัตราร้อยละ 1.5 ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม2535 โจทก์มีรายได้หรือมูลค่าของฐานภาษีเพิ่มขึ้นเกินกว่า1,200,000 บาท โจทก์ก็ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงเพื่อเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 82/18(2)เมื่อเดือนกันยายน 2535 พร้อมทั้งเสียค่าปรับในการที่แจ้งเปลี่ยนแปลงล่าช้ากว่ากำหนดด้วย ซึ่งแสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตาม ขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายแล้ว นอกจากนี้มาตรา 82/18(2) ก็บัญญัติไว้ได้ความชัดเจนว่า เมื่อมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่า 1,200,000 บาท ผู้ประกอบการไม่มีสิทธิคำนวณเสียภาษี มูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 คือ ร้อยละ 1.5 อีกต่อไป แสดงว่า ก่อนหน้านั้นผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 1.5 นั่นเอง การที่โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 1.5 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2535 ถึง เดือนกรกฎาคม 2535 จึงเป็นการชอบด้วยบทบัญญัติในมาตรา 82/16 และมาตรา 82/18(2) ประกอบด้วยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมซึ่งได้ รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและมูลค่าของฐานภาษีของกิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 237) พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจังหวัดนครพนม ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเลขที่ 8480010/5/100972 ถึง 100988 ลงวันที่ 18มิถุนายน 2540 และเพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เลขที่ 8480010/1/100778 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2540 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เลขที่ กค 0848/86.1/2540 ถึงเลขที่ กค 0848/86.12/2540 ลงวันที่ 26 กันยายน 2540 และยกเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนกันยายน 2535 ถึงเดือน ธันวาคม 2535 และเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2536 และยกเบี้ยปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2536 ด้วย
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจังหวัดนครพนมตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2535 ถึงกรกฎาคม 2535 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2540 ตั้งแต่เลขที่ 8480010/5/100972ถึงเลขที่ 8480010/5/100978 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ลงวันที่ 26 กันยายน 2540ตั้งแต่เลขที่ กค 0848/86.7/2540 เสีย ส่วนคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเพียงประเด็นเดียวว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่โจทก์ต้องเสียสำหรับเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2535 ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์มีรายได้ในปีภาษี2535 เป็นเงิน 2,384,046.90 บาท แสดงว่าโจทก์มีรายได้เกิน 1,200,000 บาท ในปีแรกที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชนิดไม่เต็มรูปแบบ คำนวณภาษีในอัตราร้อยละ 1.5 นั้น เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 82/16 และมาตรา 82/18 แห่งประมวลรัษฎากรมิได้มีข้อความตอนใดให้ตีความได้ดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด เมื่อขณะที่โจทก์ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในวันที่29 มกราคม 2535 ตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 54 โจทก์มีรายได้หรือมูลค่าของฐานภาษีในปีที่ผ่านมาคือปี 2534 ไม่เกิน 1,200,000 บาท ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้ง โจทก์ย่อมมีสิทธิจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 ซึ่งเสียภาษีในอัตราร้อยละ 1.5 ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2535 โจทก์มีรายได้หรือมูลค่าของฐานภาษีเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1,200,000 บาท โจทก์ก็ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงเพื่อเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 82/18(2) เมื่อเดือนกันยายน 2535 พร้อมทั้งเสียค่าปรับในการที่แจ้งเปลี่ยนแปลงล่าช้ากว่ากำหนดด้วย ซึ่งแสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายแล้ว นอกจากนี้มาตรา 82/18(2) ก็บัญญัติไว้ได้ความชัดเจนว่า เมื่อมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่า 1,200,000 บาท ผู้ประกอบการก็ไม่มีสิทธิคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 คือ ร้อยละ 1.5อีกต่อไป แสดงว่า ก่อนหน้านั้นผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 นั่นเอง การที่โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2535ถึงเดือนกรกฎาคม 2535 จึงเป็นการชอบด้วยบทบัญญัติในมาตรา 82/16 และมาตรา 82/18(2) ประกอบด้วยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและมูลค่าของฐานภาษีของกิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16แห่งประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 237) พ.ศ. 2534 มาตรา 4การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่โจทก์ต้องเสียสำหรับเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2535จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน