แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ว. เป็นผู้ซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของ ว. ย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 จำเลยจะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมิใช่ของ ท. ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ที่พิพาทต้องตกเป็นของ ว. โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ว. อีกต่อหนึ่งแม้การซื้อขายระหว่างโจทก์กับ ว. ไม่ได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ ถือว่าโจทก์ได้สืบสิทธิของ ว. ซึ่งมีอยู่ตามมาตรา 1330 (เกี่ยวกับอำนาจฟ้องวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สิบตำรวจเอกวิชัยเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของนายทองจำเลยของศาลจังหวัดระยองแทนโจทก์ได้แถลงขอให้ศาลโอนที่ดินเป็นชื่อของโจทก์ โจทก์จะเข้าครอบครองแต่ถูกจำเลยขัดขวาง ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินเป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขายที่พิพาทตอนเหนือให้จำเลยที่ 2 ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยออกจากที่พิพาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าสิบตำรวจเอกวิชัยมิได้ซื้อที่ดินพิพาท(ที่ดินมือเปล่า) จากการขายทอดตลาดแทนโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสิบตำรวจเอกวิชัยเป็นผู้ซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของสิบตำรวจเอกวิชัยย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 กล่าวคือ จำเลยจะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย มิใช่เป็นของนายทองลูกหนี้ตามคำพิพากษาหาได้ไม่ ที่พิพาทต้องตกเป็นของสิบตำรวจเอกวิชัย ปัญหาต่อไปจึงมีว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจากสิบตำรวจเอกวิชัยอีกต่อหนึ่ง แต่การซื้อขายระหว่างโจทก์กับสิบตำรวจเอกวิชัยไม่ได้กระทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์จะมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้หรือไม่ ในเมื่อที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด ปัญหานี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้ เพราะถือว่าโจทก์ได้สืบสิทธิของสิบตำรวจวิชัยที่มีอยู่ตามมาตรา 1330 ข้างต้น
พิพากษายืน