แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวงจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร อัยการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอาญาสั่งประทับฟ้องฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ โจทก์ จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องฐานลักทรัพย์ ังนี้ ผลของคดีจำเลยย่อมรับโทษฐานรับของโจรตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว คดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์อย่างใด จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
ย่อยาว
คดีนี้ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวงธนบุรี จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงธนบุรีสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร พนักงานอัยการเห็นว่า ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกันกับความผิดฐานรับของโจรพนักงานอัยการจึงฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์เพิ่มอีกฐานหนึ่ง ต่อศาลอาญา ศาลอาญาสั่งประทับฟ้องเฉพาะความผิดฐานรับของโจร ส่วนความผิดฐานลักทรัพย์ไม่รับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับทรัพย์ของกลางรายนี้ไว้โดยรู้ว่าได้มาจากการลักทรัพย์จริง
โจทก์ จำเลย ไม่สืบพยาน
ศาลอาญา พิพากษาจำคุกจำเลย 9 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357,78
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลอาญาประทับรับฟ้องฐานลักทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ผลของคดี คือ จำเลยรับโทษฐานรับของโจรสมความประสงค์ของโจทก์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาจึงไม่เป็นประโยชน์สำหรับคดีนี้
พิพากษายืน