แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญา รับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลย โดยรับเช็คจากจำเลยที่ 2 ไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริต สมยอมกันทำการฉ้อกลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาขายไม้สักให้แก่สามีโจทก์ สามีโจทก์ตายโจทก์ได้เข้าเป็นคู่สัญญาแทน จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาซื้อไม้คืนจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระเงิน กลับขนย้ายไม้หลบหนีและนำไปขายให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยสมยอมกัน หรือโดยการฉ้อฉลทำให้โจทก์เสียเปรียบ โดยจำเลยที่ ๒ ทราบดีอยู่โดยตลอดและรับเงินมัดจำค่าภาคหลวงคืนจากพนักงานป่าไม้ไปด้วย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการโอนไม้นั้นระหว่างจำเลยหรือใช้เงินคืน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าสัญญาซื้อขายไม้ระหว่างโจทก์ จำเลยที่ ๑ เป็นโมฆะ ไม้สักที่ขายให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นไม้คนละราย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ทราบว่าจำเลยที่ ๑ เคยขายไม้ให้แก่โจทก์หรือสามีโจทก์ จำเลยที่ ๒ ซื้อไม้โดยสุจริต ไม่มีการสมยอมหรือฉ้อฉล ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยรับซื้อไม้โดยสมยอมกัน ทำการฉ้อฉลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้ให้ไปตามสัญญาไม่เป็นการซื้อขายโดยสุจริต ให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในไม้ให้แก่โจทก์ หรือให้ใช้และคืนเงินให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาต้องขายไม้คืนแก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญารับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลยที่ ๑ โดยรับเช็คของจำเลยที่ ๒ ไปเบิกเงินจากธนาคาร จึงเป็นการแสดงต่อจำเลยที่ ๒ ว่า โจทก์ไม่ถือว่าจำเลยที่ ๑ ต้องโอนไม้กลับคืนให้จำเลยที่ ๑ โจทก์จึงยอมรับชำระเงินราคาไม้จากจำเลยที่ ๑ ฉะนั้น โจทก์จึงกลับมาอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริต และขอเพิกถอนการโอนไม้ระหว่างจำเลยทั้งสองหาได้ไม่ จำเลยที่ ๒ ได้กรรมสิทธิ์ในไม้นั้นโดยโจทก์ไม่มีข้อที่จะโต้แย้งได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องเฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.