คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6797/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยโจทก์ได้วางมัดจำไว้บางส่วน ส่วนที่เหลือจะชำระในวันจดทะเบียนโอน เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจึงมีสิทธิริบมัดจำ แต่จำเลยมิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาสัญญาจะซื้อจะขายจึงยังมีผลบังคับ เมื่อโจทก์จะให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายต่อไป โจทก์ต้องชำระราคาที่ดินทั้งหมดตามสัญญา จะเพียงแต่ชำระส่วนที่ขาดโดยนำเงินมัดจำที่จำเลยใช้สิทธิริบไปแล้วมาคิดหักไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้เสนอที่จะชำระเงินเต็มตามสัญญา การที่จำเลยไม่โอนที่ดินให้โจทก์จึงไม่ถือว่าจำเลยผิดสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาจะขายที่ดิน น.ส.3 ก.เลขที่ 350 ให้โจทก์ เป็นเงิน 72,500 บาท วางเงินมัดจำเป็นเงิน30,000 บาท และนัดจดทะเบียนโอนที่ดินกันวันที่ 15 มีนาคม 2533เมื่อถึงกำหนด จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ไปทำการจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 350 ให้โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองรับเงินที่เหลือจำนวน 42,500 บาทจากโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมไปรับโอน และหากจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ก็ชอบที่จะเอาเงินที่เหลืออีก 42,500 บาท ไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิริบเงินมัดจำของโจทก์ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 350 ให้โจทก์ตามสัญญา ให้โจทก์ชำระราคาที่ดินส่วนที่ยังเหลือจำนวน 42,500 บาท ให้จำเลยทั้งสองรับไป หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่ฝ่ายเดียวจำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิริบเงินมัดจำจำนวน 30,000 บาทได้แต่จำเลยทั้งสองก็มิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแต่อย่างใดสัญญาจะซื้อจะขายจึงยังมีผลใช้บังคับได้ แม้ว่าหลังจากวันที่ 15มีนาคม 2533 โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือถึงจำเลยทั้งสองขอให้จำเลยทั้งสองไปโอนที่ให้แก่โจทก์ แต่ก็ปรากฏว่าหนังสือทวงถามระบุว่าโจทก์จะชำระเงินที่ยังขาดอยู่ตามสัญญาซึ่งคิดได้เป็นเงินเพียง42,500 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองเท่านั้น ซึ่งไม่เต็มตามสัญญา เพราะเงินที่โจทก์วางมัดจำแก่จำเลยทั้งสองจำนวน 30,000 บาท นั้นเมื่อจำเลยทั้งสองริบไปแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระราคาที่ดินทั้งหมดตามสัญญาเป็นเงิน 72,500 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองในวันโอน แต่ตามหนังสือทวงถามดังกล่าวตามฟ้องของโจทก์ โจทก์ก็หาได้เสนอที่จะชำระเงินตามสัญญาดังกล่าวไม่ การที่จำเลยทั้งสองมิได้โอนที่ดินให้โจทก์จึงจะถือว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาหาได้ไม่โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองโอนที่ดินให้โจทก์ไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share