แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การที่คู่ความเสนอต่อศาลไว้แล้วต้องทำก่อนวันชี้สองสถาน หรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถานเว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้นหรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ข้อความที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเป็นเพียงชื่อของประเภทสินค้าเป็นภาษาไทยซึ่งแปลจากข้อความที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีท อันเป็นอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของสิ่งของซึ่งไม่มีชื่อเฉพาะของสินค้าดังกล่าว การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยจึงอาจผิดพลาดไม่ตรงกับชื่อของประเภทสินค้าที่ใช้กันในวงการค้าของสินค้าประเภทนั้น ๆ ได้ เมื่อโจทก์แนบสำเนาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทมาท้ายคำฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จำเลยที่ 1ก็ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าโจทก์แปลข้อความจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยยังไม่ถูกต้อง ดังนั้น ชื่อประเภทสินค้าที่แปลไม่ถูกต้องที่โจทก์ได้กล่าวมาในคำฟ้องและระบุไว้ในคำแปลท้ายฟ้อง จึงไม่ใช่สาระสำคัญอันเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีการแก้ไขดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขคำฟ้องเดิมที่ผิดพลาดเพราะการแปลเพื่อให้ข้อความถูกต้องตรงกับความเป็นจริงตามข้อความในต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ทั้งไม่ทำให้ผลทางกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ซึ่งโจทก์อาจขอแก้ไขในเวลาใด ๆ ก็ได้ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันรับผิดชดใช้เงินคืนให้แก่โจทก์ในต้นเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 56,791,051 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 32,729,743.48 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งเจ็ดออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำคำขอให้โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเมื่อใดจำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าจำพวกใด จำนวนเท่าใด ราคาต่อหน่วยเท่าใดโจทก์จ่ายเงินแทนจำเลยที่ 1 ไปเมื่อใด จำเลยที่ 1 ตกลงยอมเสียดอกเบี้ยอัตราเท่าใด เริ่มคิดดอกเบี้ยเมื่อใด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ไม่เข้าใจคำฟ้องจึงไม่สามารถให้การได้ถูกต้อง สำเนาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตพร้อมคำแปลเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ถึง 11 สำเนาสัญญาทรัสต์รีซีทพร้อมคำแปลเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 12 ถึง 19 ใบเรียกเก็บเงินพร้อมคำแปลเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 27 ถึง 34 นั้น คำแปลเป็นภาษาไทยมีข้อความไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับข้อความภาษาต่างประเทศ จำเลยที่ 1ไม่เคยสั่งซื้อและรับสินค้าชนิดต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต8 ฉบับ ตามฟ้อง คำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตท้ายฟ้องมีการแก้ไขข้อความในส่วนสาระสำคัญโดยพลการ และไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบ จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องรับผิด คำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับสัญญาทรัสต์รีซีทตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 7, 9, 11, 12, 14, 16, 17 และ 18 บุคคลผู้ลงลายมือชื่อไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1หรือผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ภายใน 1 ปี นับแต่วันครบกำหนดการเรียกเก็บเงินตามสัญญาทรัสต์รีซีทแต่ละฉบับจึงขาดอายุความ โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่ถูกต้อง โจทก์คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1จดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องเพื่อประกันหนี้รายอื่น ทั้งโจทก์ไม่อาจคิดดอกเบี้ยตามสัญญาจำนองได้เกินกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี การบอกกล่าวทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 1 กระทำโดยไม่ชอบ จำเลยที่ 1ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่ามีการทำสัญญาค้ำประกันเมื่อใด ค้ำประกันหนี้อะไรของใครจำเลยที่ 2 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันในวงเงิน 35,000,000 บาท ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000,000 บาท แต่โจทก์ไม่สุจริตโดยนำแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันที่ยังไม่กรอกข้อความมาให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อแล้วมาฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดเกินกว่าวงเงินที่จำเลยที่ 2ค้ำประกัน ก่อนฟ้องโจทก์มิได้ทวงถามจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 และที่ 7 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสำนักงานสาขาหัวหมากและทองหล่อไม่ใช่สาขาของโจทก์ คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่าโจทก์จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตไปเมื่อใด จำเลยที่ 1 ไม่เคยทำสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทตามฟ้องกับโจทก์ ไม่เคยรับสินค้าและไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจำพวกเหรียญโลหะจำเลยที่ 4 และที่ 7 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันหนี้ตามที่โจทก์ฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะไม่ได้ฟ้องภายใน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายไปตามเลตเตอร์ออฟเครดิต จำเลยที่ 4 และที่ 7 ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่โจทก์คิดคำนวณมาในฟ้องไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 6 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะลายมือชื่อผู้แต่งทนายความของโจทก์ไม่ใช่ลายมือชื่อของนายอมร จันทรสมบูรณ์ จำเลยที่ 6ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันหนี้ตามฟ้อง แต่เป็นการค้ำประกันหนี้รายอื่นจำเลยที่ 1 ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าและไม่เคยได้รับสินค้าตามฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะไม่ได้ฟ้องภายใน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยที่ 1 ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต จำเลยที่ 6ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถาม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หลังจากทำการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้น และสืบพยานจำเลยที่ 1แล้ว 1 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วโจทก์พบว่า โจทก์ได้แปลคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทผิดพลาดไป ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตทั้งแปดฉบับเฉพาะส่วนที่เป็นชื่อประเภทของสินค้า คือ คำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตฉบับที่ 1 ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสี เหรียญโลหะกัลวาไนซ์ และเหรียญสแตนเลส ขอแก้ไขเป็น เหล็กม้วนเคลือบสี สังกะสีชุบและเหล็กม้วนสแตนเลส ฉบับที่ 2 ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสี ขอแก้ไขเป็นแผ่นเหล็กม้วนเคลือบสี ฉบับที่ 3 ข้อความที่ว่า อุปกรณ์เหล็กสำหรับป้องกันมิให้แก๊สรั่ว ขอแก้ไขเป็น เหล็กกล้าผสมและปะเก็น ฉบับที่ 4 และที่ 5ข้อความที่ว่า เหรียญสแตนเลส ขอแก้ไขเป็นสแตนเลสม้วนเป็นขด ฉบับที่ 6ข้อความที่ว่าอุปกรณ์เหล็กสำหรับป้องกันไม่ให้แก๊สรั่ว ขอแก้ไขเป็น เหล็กกล้าไนลอน เหล็กผสม และปะเก็น ฉบับที่ 7 ข้อความที่ว่า เหรียญสแตนเลสขอแก้ไขเป็น เหล็กสแตนเลส และฉบับที่ 8 ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสีขอแก้ไขเป็น เหล็กไม่เคลือบสีม้วนเป็นแผ่นยาวเล็กและขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญาทรัสต์รีซีททั้งแปดฉบับ เฉพาะส่วนที่เป็นประเภทของสินค้าคือสัญญาทรัสต์รีซีท ฉบับที่ 1 ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสีขอแก้ไขเป็น เหล็กกล้าไม่เคลือบสีม้วน ฉบับที่ 2 ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสีขอแก้ไขเป็นเหล็กกล้าไม่เคลือบสีเป็นม้วน ฉบับที่ 3 ข้อความที่ว่า อุปกรณ์เหล็กกล้าสำหรับป้องกันมิให้แก๊สรั่ว ขอแก้ไขเป็น เหล็กกล้าผสม และปะเก็นฉบับที่ 4 ข้อความที่ว่า เหรียญสแตนเลส ขอแก้ไขเป็นสแตนเลสม้วนเป็นขดฉบับที่ 5 ข้อความที่ว่า เหรียญสแตนเลส ขอแก้ไขเป็น เหล็กสแตนเลสเป็นขดฉบับที่ 6 ข้อความที่ว่า อุปกรณ์ป้องกันแก๊สรั่วเป็นเหล็กไนล่อน และโลหะขอแก้ไขเป็น เหล็กกล้า ไนล่อน เหล็กผสม และปะเก็น ฉบับที่ 7 ข้อความที่ว่าเหรียญสแตนเลส ขอแก้ไขเป็น เหล็กสแตนเลสเป็นม้วน และฉบับที่ 8ข้อความที่ว่า เหรียญโลหะทาสี ขอแก้ไขเป็น เหล็กไม่เคลือบสีม้วนเป็นแผ่นยาวเล็ก และขอแก้ไขคำแปลคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 8 และสัญญาทรัสต์รีซีท ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 8 เฉพาะข้อความเกี่ยวกับประเภทของสินค้า โดยโจทก์ได้แนบคำแปลที่ถูกต้องมาพร้อมคำร้องดังกล่าวด้วยแล้ว การขอแก้ไขคำฟ้องนี้เป็นการขอแก้ไขข้อเท็จจริงให้ตรงกับความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิดผลตามกฎหมายแตกต่างกัน ไม่ทำให้จำเลยทั้งเจ็ดเสียเปรียบ และสมควรอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องในชั้นสืบพยานจำเลยโดยโจทก์ควรทราบถึงเหตุและพฤติการณ์ที่จะขอแก้ไขคำฟ้องก่อนหน้านั้นแล้วทั้งข้อเท็จจริงที่ขอแก้ไขก็ปรากฏขึ้นจากคำเบิกความของพยานจำเลยด้วยกรณีไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้อง ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การแก้ไขคำฟ้องนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 บัญญัติว่าการแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การที่คู่ความเสนอต่อศาลไว้แล้วให้ทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถาน หรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย และบทบัญญัติดังกล่าวให้นำมาใช้ในกระบวนพิจารณาในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศด้วยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 26 ปรากฏว่าตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยที่ 1 มาทำคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์รวม8 ฉบับ และเมื่อสินค้าที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อตามคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมาถึงประเทศไทยแล้ว จำเลยที่ 1 มาทำสัญญาทรัสต์รีซีทกับโจทก์รวม8 ฉบับ เพื่อขอรับเอกสารจากโจทก์ไปใช้ในการนำสินค้าตามที่สั่งซื้อตามคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตออกไปจำหน่ายก่อนแล้วจะนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่แล้วจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์โดยโจทก์ได้แนบสำเนาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต รวม 8 ฉบับ สำเนาสัญญาทรัสต์รีซีท รวม 8 ฉบับ ซึ่งได้ทำไว้เป็นข้อความภาษาอังกฤษพร้อมกับคำแปลเป็นภาษาไทยมาท้ายคำฟ้องซึ่งมีรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญเช่น จำนวนเงินค่าสินค้าที่ขอให้โจทก์ชำระตามเลตเตอร์ออฟเครดิต เงื่อนไขการชำระเงิน ตลอดจนเงื่อนไขความรับผิดของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ แต่ข้อความที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเป็นข้อความภาษาไทยเฉพาะในส่วนชื่อประเภทสินค้าซึ่งโจทก์ได้แปลมาจากข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษตามที่ระบุไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทและได้บรรยายไว้ในคำฟ้องโดยโจทก์ขอแก้ไขในคำฟ้องและคำแปลเป็นภาษาไทยสำหรับเอกสารที่แนบมาท้ายคำฟ้องทุกฉบับ เฉพาะในส่วนที่เป็นชื่อของประเภทสินค้าดังกล่าวเท่านั้น โดยอ้างว่าโจทก์ได้แปลข้อความจากภาษาอังกฤษในส่วนที่เกี่ยวกับประเภทของสินค้าตามที่ระบุไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทผิดพลาดไป จึงไม่ตรงกับความเป็นจริงเห็นได้ว่า ข้อความที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเป็นเพียงชื่อของประเภทสินค้าเป็นภาษาไทยซึ่งแปลจากข้อความที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีท อันเป็นอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของสิ่งของซึ่งไม่มีชื่อเฉพาะของสินค้าดังกล่าว การแปลข้อความชื่อประเภทของสินค้าดังกล่าวจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยจึงอาจผิดพลาดไม่ตรงกับชื่อของประเภทสินค้าที่ใช้กันในวงการค้าของสินค้าประเภทนั้น ๆ ได้ เมื่อโจทก์ได้แนบสำเนาคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต 8 ฉบับ และสัญญาทรัสต์รีซีท8 ฉบับ มาท้ายคำฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จำเลยที่ 1 ก็ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าโจทก์แปลข้อความภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยยังไม่ถูกต้องดังนั้น ชื่อประเภทของสินค้าที่แปลไม่ถูกต้องที่โจทก์ได้กล่าวมาในคำฟ้องและระบุไว้ในคำแปลท้ายฟ้อง จึงไม่ใช่สาระสำคัญอันเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดี การขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ในส่วนดังกล่าวไม่เป็นการเพิ่มหรือลดจำนวนทุนทรัพย์หรือเพิ่มหรือลดข้อหาในคำฟ้องเพียงแต่เป็นการแก้ไขคำฟ้องเดิมที่ผิดพลาดเพราะการแปลข้อความภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเพื่อให้ข้อความถูกต้องตรงกับความเป็นจริงตามข้อความในต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ทั้งไม่ทำให้ผลทางกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ซึ่งโจทก์อาจขอแก้ไขในเวลาใด ๆ ก็ได้ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องดังกล่าวที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ตามคำร้องของโจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ