แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกรวมกันกว่า 3 คน มีสาตราวุธมาเรียกผู้เสียหายในเวลาดึก เพื่อทำการชิงทรัพย์ แต่หากผู้เสียหายรู้ทันไม่ยอมเปิด และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับเสียก่อน ทั้งพวกจำเลยยังได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงาน เพื่อให้หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาอีก ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานซ่องโจร พยายามปล้นทรัพย์ ต่อสู้ทำร้ายเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ ๑-๒ รับในข้อหาฐานมีกระสุนปืน ส่วนข้อหาอื่น ๆ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ ๑,๒,๓ คนละ ๖ ปี ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๔) มาตรา ๗ ประกอบ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๖๐ ปรับจำเลยที่ ๑,๒ ฐานมีอาวุธปืน คนละ ๕๐ บาท ข้อหาอื่นให้ยก ยกฟ้องจำเลยที่ ๔ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
จำเลยที่ ๑,๒,๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกับพวกรวม ๓ คน มีสาตราวุธมาเรียกผู้เสียหายในเวลาดึก เพื่อชิงทรัพย์ หากผู้เสียหายรู้ทันไม่ยอมเปิด และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับเสียก่อน ทั้งพวกจำเลยยังได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาอีก ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
พิพากษายืน