คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องโดยมีการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว จำเลยจะคัดค้านว่า แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพไม่ได้ไปชันสูตรศพด้วยตนเองนั้น ฟังไม่ขึ้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129
คดีที่จำเลยต่อสู้ว่ากระทำโดยป้องกันตัว โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุเลย และศาลพิพากษาลงโทษจำเลยโดยอาศัยคำให้การจำเลยที่รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายนั้น เป็นเหตุควรปรานีลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 59

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ขวานฆ่านายถัดตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำเพื่อป้องกันตัว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 20 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัว แต่จำเลยกับผู้ตายมีอาวุธต่อสู้กัน จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 10 ปีตามมาตรา 251

โจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีเจตนาฆ่านายถัดดังโจทก์ฎีกาที่จำเลยฎีกาเรื่องการกระทำชันสูตรพลิกศพว่า แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพหาได้ไปชันสูตรพลิกศพด้วยตนเองไม่ ข้อนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ห้ามไว้แต่เพียงว่าถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องร้องผู้ต้องหายังศาล แต่เรื่องนี้ปรากฏว่าได้มีการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลย 20 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ตามศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าคดีนี้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นในขณะเกิดเหตุเลย ศาลพิพากษาลงโทษก็โดยอาศัยคำให้การของจำเลยที่รับว่าได้ทำร้ายนายถัดควรปรานีตามมาตรา 59ให้ลดฐานปรานีคงจำคุก 10 ปี

Share