แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ให้โอกาสแก่โจทก์จำเลยที่จะขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้อง หรือคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา ในเมื่อมีเหตุอันสมควร แต่ถึงแม้จะมีเหตุอันสมควรดังที่โจทก์หรือจำเลยอ้างแล้วกฎหมายยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็ว จึงจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธ และนัดตัดสินเนิ่นนานไปถึง 7 วัน เพื่อประสานกับคดีที่ให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเช่นนั้น จำเลยที่ 1 ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ (อ้างนัยฎีกาที่ 555/2501)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ฯลฯ
วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๐๗ วันพิจารณาจำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งว่า เพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็ว ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ โดยให้โจทก์ยื่นฟ้องเข้ามาใหม่ภายใน ๗ วัน ฟังคำพิพากษาวันที่ ๑๒ เดือนนี้
ต่อมาวันที่ ๗ เดือนเดียวกันจำเลยขอถอนคำให้การเดิมเพราะจำเลยให้การดังกล่าวมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดเป็นข้อสารสำคัญของคดี ขอให้การใหม่ ปฏิเสธฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต และพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๙ เดือน ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น รับคำให้การจำเลยและให้พิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๖๓ นั้น ให้โอกาสแก่โจทก์จำเลยที่จะขอแก้หรือเพิ่มเติมหรือคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษาในเมื่อมีเหตุอันสมวต แต่ถึงแม้จะมีเหตุอันสมควรดังที่โจทก์หรือจำเลยอ้างแล้ว กฎหมายยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตดังที่โจทก์หรือจำเลยขอหรือไม่ ดังนี้ ปรากฏตามฟ้องว่า จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน โจทก์ฟ้องจำเลย ๒ คน จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่า เพื่อให้คดีเสร็จรวดเร็ว จึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ ให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน ๗ วัน แล้วนัดตัดสินสำหรับจำเลยที่ ๑ ในวันที่ ๑๒ เดือนเดียวกัน เหตุที่ศาลนัดตัดสินคดีนี้เนิ่นนานไปถึง ๗ วันนั้นก็เพื่อประสานกับคดีที่ศาลสั่งให้โจทก์ไปยื่นฟ้องจำเลยที่ ๒ ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเพื่อประโยชน์แก่คดีเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ แล้ว จำเลยที่ ๑ ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนถึงขั้นเสร็จการพิจารณาแล้ว เมื่อพิเคราะห์ประกอบความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ อ้างนัยฎีกาที่ ๕๕๕/๒๕๐๑ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น