คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6659/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามหนังสือมอบอำนาจระบุว่า “…ธนาคาร ธ. โดย ท. กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้มอบอำนาจให้ ก. เป็นผู้รับมอบอำนาจที่จะกระทำการแทนในนามธนาคาร ท. เฉพาะในกิจการตามที่กล่าวต่อไปนี้… (2) แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นโจทก์ โจทก์ร่วมหรือจำเลยในคดีอาญา ตลอดจนการถอนคำร้องทุกข์ และรับข้อเสนอให้ประนีประนอม ตกลงยินยอม หรือทำการอย่างอื่นเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นไป… (6) ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใดๆ จนกว่าจะถึงที่สุดและให้มีอำนาจทำการในทางจำหน่ายสิทธิด้วย… ธนาคารฯ ขอรับผิดชอบในการกระทำของผู้รับมอบอำนาจอันเกี่ยวกับกิจการตามที่มอบหมายดังกล่าวทุกประการ…” ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะเห็นได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ก. มีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้หลายประการรวมทั้งได้ระบุให้มีอำนาจที่จะดำเนินการฟ้องคดีและดำเนินคดีอาญาต่อศาลไว้โดยชัดแจ้งโดยไม่จำกัดตัวบุคคลที่จะต้องถูกฟ้อง จึงเป็นการมอบอำนาจทั่วไป รวมถึงมอบอำนาจให้ยื่นฟ้องต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 801 (5) ด้วย ทั้งการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเช่นนี้ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด ก. จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยแทนโจทก์เป็นคดีนี้โดยไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยอีก โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2535 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนสินเชื่ออุตสาหกรรม 1 ของโจทก์ ทำบันทึกขอเปลี่ยนแปลงวิธีการจดทะเบียนจำนองประกันหนี้สินเชื่อที่โจทก์อนุมัติให้แก่บริษัททิมเบอร์กรุ๊ฟ จำกัด จากจดทะเบียนขึ้นจำนองโฉนดที่ดินเลขที่ 149 ตำบลทรายกองดิน อำเภอมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 40,000,000 บาท และจดทะเบียนจำนองหลักทรัพย์ใหม่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี รวม 22 โฉนด จำนวน 15,000,000 บาท เปลี่ยนเป็นจดทะเบียนจำนองลำดับ 2 โฉนดที่ดินเลขที่ 149 อำเภอมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 55,000,000 บาท และจดทะเบียนจำนองเพิ่มหลักทรัพย์ที่ดิน 22 โฉนด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้เพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และโจทก์ได้อนุมัติตามที่จำเลยได้บันทึกเสนอดังกล่าว ต่อมาระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2535 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2535 เวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัดจำเลยเติมข้อความ “เฉพาะส่วน” ลงในบันทึกดังกล่าวจำนวน 2 แห่ง เป็นจดทะเบียนขึ้นจำนองเฉพาะส่วนโฉนดที่ดินเลขที่ 149 ตำบลทรายกองดิน อำเภอมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 40,000,000 บาท และจดทะเบียนจำนองลำดับที่ 2 เฉพาะส่วนโฉนดที่ดินเลขที่ 149 อำเภอมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 55,000,000 บาท จากนั้นจำเลยนำบันทึกดังกล่าวไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการสินเชื่อของโจทก์เพื่อไปจดทะเบียนจำนองเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการสินเชื่อของโจทก์หลงเชื่อว่าโจทก์อนุมัติให้จดทะเบียนจำนองโฉนดที่ดินเลขที่ 149 ดังกล่าวเฉพาะส่วนกรรมสิทธิ์ของนายไชยเทพ และนางประทินพร เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการสินเชื่อของโจทก์จึงจดทะเบียนจำนองลำดับ 2 เฉพาะส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 149 อำเภอมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ทำให้โจทก์เสียหายได้รับหลักประกันลดลงเพราะการจำนองไม่ครอบคลุมที่ดินจำนองดังกล่าวทั้งแปลง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก จำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าตามหนังสือมอบอำนาจ ที่โจทก์มอบอำนาจให้นายเกื้อศักดิ์ ฟ้องคดีแทนมิได้ระบุชื่อจำเลยหรือผู้ที่จะต้องถูกฟ้องเป็นการไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้นั้น เห็นว่า ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวระบุว่า “…ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายทนง กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้มอบอำนาจให้นายเกื้อศักดิ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจที่จะกระทำการแทนในนามธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เฉพาะในกิจการตามที่จะกล่าวต่อไปนี้… (2) แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นโจทก์ โจทก์ร่วม หรือจำเลยในคดีอาญา ตลอดจนการถอนคำร้องทุกข์และรับข้อเสนอให้ประนีประนอม ตกลงยินยอม หรือทำการอย่างอื่นเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นไป… (6) ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใดๆ จนกว่าจะถึงที่สุดและให้มีอำนาจทำการในทางจำหน่ายสิทธิด้วย… ธนาคาร ฯ ขอรับผิดชอบในการกระทำของผู้รับมอบอำนาจอันเกี่ยวกับกิจการตามที่มอบหมายดังกล่าวทุกประการ…” ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะเห็นได้ว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายเกื้อศักดิ์มีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้หลายประการรวมทั้งได้ระบุให้มีอำนาจที่จะดำเนินการฟ้องคดีและดำเนินคดีอาญาต่อศาลไว้โดยชัดแจ้งโดยไม่จำกัดตัวบุคคลที่จะต้องถูกฟ้อง การมอบอำนาจดังกล่าวแม้เป็นการมอบอำนาจทั่วไป แต่มีการมอบอำนาจรวมถึงให้ยื่นฟ้องต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801 (5) ด้วย ทั้งการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเช่นนี้ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด นายเกื้อศักดิ์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยแทนโจทก์เป็นคดีนี้โดยไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยอีก โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share