คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6657/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านเพื่อขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารที่อ้างเป็นพยานไว้ผู้คัดค้านไม่อนุญาต และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง เป็นเรื่องที่อยู่ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งผู้คัดค้านมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 105การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งงดการสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้อง โดยถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจอ้างต้นฉบับเอกสารตามที่ผู้ร้องอ้างเป็นพยานไว้ และมีคำสั่งยกคำร้องที่ผู้ร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารหลังจากครบกำหนดวันนัดเป็นการกระทำในขั้นตอนของการสอบสวนตรวจคำขอรับชำระหนี้เท่านั้นยังไม่เป็นการแน่นอนว่าผู้คัดค้านจะทำความเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องหรือไม่ แม้ต่อมาหากผู้คัดค้านทำความเห็นควรอนุญาตหรือควรยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องด้วยเหตุใดก็ตาม ลำพังความเห็นของผู้คัดค้านก็หามีผลบังคับแต่อย่างใดไม่ เพราะศาลพิจารณาแล้วอาจยกคำขอรับชำระหนี้หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้น คำสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าวจึงยังไม่เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามมาตรา 146 ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งกลับคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านในชั้นนี้ได้ ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสี่ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2531

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาและสัญญาค้ำประกันเป็นเงิน 272,528,722.05 บาท ต่อผู้คัดค้าน และได้นำพยานหลักฐานมาให้ผู้คัดค้านสอบสวน ต่อมาผู้คัดค้านมีหมายนัดให้ผู้ร้องส่งต้นฉบับคำพิพากษากับต้นฉบับเอกสารทั้งหมดที่ยื่นไว้แล้วต่อผู้คัดค้านภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2535 แต่ในวันดังกล่าวผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารออกไปอีก 20 วัน ผู้คัดค้านอนุญาตให้ส่งภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2535 ก่อนครบกำหนดดังกล่าว ผู้ร้องได้แถลงขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารด้วยวาจาต่อผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านอนุญาต แต่แจ้งว่าให้แถลงมาเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลังเนื่องจากใกล้เวลาปิดทำการของทางราชการและสำนวนคดีนี้อยู่ที่ผู้คัดค้านอีกคนหนึ่งซึ่งมิได้มาปฏิบัติงาน ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารต่อผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้องโดยอ้างว่า ผู้ร้องไม่ยื่นคำร้องก่อนวันนัดเดิมและผู้คัดค้านมีคำสั่งงดสอบสวนพยานผู้ร้องโดยถือว่าผู้ร้องหมดพยานวันที่ 24 พฤศจิกายน 2535 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านรับต้นฉบับเอกสารซึ่งบางส่วนได้ส่งสำเนาไว้ต่อผู้คัดค้านแล้ว ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้อง และทำความเห็นเสนอต่อศาลให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง โดยอ้างว่าผู้ร้องไม่มีต้นฉบับเอกสารแห่งหนี้มาแสดงศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องตามความเห็นของผู้คัดค้าน การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสาร และปฏิเสธไม่ยอมรับเอกสารหลักฐานแห่งหนี้ของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับมอบต้นฉบับเอกสารและทำความเห็นคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องใหม่

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารก่อนครบกำหนดนัดวันที่ 28 ตุลาคม 2535 แต่ยื่นหลังจากครบกำหนดไปแล้ว 23 วันโดยอ้างว่าไปต่างจังหวัด ซึ่งไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาให้ได้ ผู้คัดค้านจึงมีคำสั่งยกคำร้องและงดสอบสวนพยานฝ่ายผู้ร้องแล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องตามความเห็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ผู้คัดค้านมีหมายนัดให้ผู้ร้องส่งต้นฉบับเอกสารทั้งหมดที่อ้างเป็นพยานต่อผู้คัดค้านภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2535 ในวันนัดดังกล่าวผู้ร้องยื่นคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารอีก 20 วัน ผู้คัดค้านอนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนการส่งต้นฉบับเอกสารภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2535 ครั้นวันที่ 29 ตุลาคม 2535ผู้คัดค้านเห็นว่าผู้ร้องไม่ส่งต้นฉบับเอกสารภายในกำหนด จึงมีคำสั่งให้งดสอบสวนพยานฝ่ายผู้ร้อง โดยถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจอ้างเอกสารดังกล่าวอีกต่อไป ต่อมาวันที่ 20พฤศจิกายน 2535 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารอีก 15 วัน ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้อง ครั้นวันที่ 24 พฤศจิกายน 2535 ผู้ร้องยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อผู้คัดค้านเพื่อขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารอีกระยะหนึ่ง ผู้คัดค้านสอบสวนแล้วไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาผัดส่งต้นฉบับเอกสาร ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2536 ผู้คัดค้านทำความเห็นต่อศาลชั้นต้นโดยเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2536 ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องตามความเห็นของผู้คัดค้าน ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม 2536 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีนี้ขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับมอบต้นฉบับเอกสารและทำความเห็นคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องใหม่ เห็นว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านเพื่อขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารที่อ้างเป็นพยานไว้ ผู้คัดค้านไม่อนุญาต และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง เป็นเรื่องที่อยู่ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งผู้คัดค้านมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 105 การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งงดการสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้อง โดยถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจอ้างต้นฉบับเอกสารตามที่ผู้ร้องอ้างเป็นพยานไว้ และมีคำสั่งยกคำร้องที่ผู้ร้องขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารหลังจากครบกำหนดวันนัดเป็นการกระทำในขั้นตอนของการสอบสวนตรวจคำขอรับชำระหนี้เท่านั้น และยังไม่เป็นการแน่นอนว่าผู้คัดค้านจะทำความเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องหรือไม่ แม้ต่อมาหากผู้คัดค้านทำความเห็นควรอนุญาตหรือควรยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องด้วยเหตุใดก็ตาม ลำพังความเห็นของผู้คัดค้านก็หามีผลบังคับแต่อย่างใดไม่ เพราะศาลพิจารณาแล้วอาจยกคำขอรับชำระหนี้หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้นคำสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าวจึงยังไม่เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งกลับคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านในชั้นนี้เป็นคดีนี้ได้ ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share