คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สมคบกันไปลักทรัพย์คนหนึ่งเข้าไปในร้านเพื่อจะลักทรัพย์ อีกคนหนึ่งเฝ้าต้นทางเพื่อช่วยเหลือ บังเอิญเจ้าทรัพย์เดินกลับมา คนเฝ้าต้นทางทำอาณัติสัญญาณให้ อีกคนหนึ่งทราบดังนี้ ย่อมผิดฐานเป็นตัวการด้วยกัน

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกันมาเพื่อจะลักทรัพย์ของนายหมง ก่อนที่จำเลยจะเข้าทำการลักทรัพย์ จำเลยทั้งสองเข้าไปแอบดูที่ข้างฝาด้วยกัน เมื่อเห็นโอกาศเหมาะโดยนายหมงเจ้าทรัพย์ออกจากร้านไปจำเลยจึงแบ่งหน้าที่กันทำ คือจำเลยที่ ๒ ยืนเฝ้าต้นทางอยู่ทางปากตรอกหน้าร้านเจ้าทรัพย์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันนั้นเองซึ่งพอจะช่วยเหลือกันได้ ส่วนจำเลยที่ ๑ เปิดประตูหลังร้านเดินเข้าไปข้างใน แต่บังเอิญนายหมงเดินกลับมาจำเลยที่ ๒ ก็ดูดปากดังเจี๊ยบทางปากตรอกจำเลยที่ ๑ ก็ออกจากประตูหลังร้านนั้นมาทันทีศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา ๒๙๕-๖๐
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๒๙๔ ตอนท้ายและ ๖๐ ส่วนจำเลยที่ ๒ มีผิดฐานสมรู้ตามมาตรา ๖๕
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ ถือได้ว่าร่วมมือร่วมใจกันมากระทำผิดด้วยกันแล้วจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการ ฐานพยายามลักทรัพย์ด้วยกันทั้งคู่ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น

Share