คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492 บัญญัติว่าทรัพย์สินซึ่งขายฝากนั้นถ้าไถ่ภายในเวลาที่กำหนด ก็ให้ถือเป็นอันว่ากรรมสิทธิ์ไม่เคยตกไปแก่ผู้ซื้อเลยนั้นหมายถึงเฉพาะตัวทรัพย์สินเท่านั้นแต่ไม่รวมถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินด้วย เว้นแต่จะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขายฝากที่ดินมีโฉนดไว้กับจำเลย เมื่อโจทก์ขอไถ่ถอน จำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมรับไถ่ถอน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขอเก็บค่าเช่าที่ดินที่ขายฝากในระหว่างอายุสัญญาขายฝากโดยตกลงว่าจะไถ่ถอนเมื่อใด โจทก์จะชำระค่าเช่าหรือผลประโยชน์ที่เก็บได้ในระหว่างนั้นแก่จำเลย โจทก์ผิดสัญญาไม่ยอมชำระค่าเช่าที่ดินให้จำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอน ข้อตกลงดังที่จำเลยอ้างนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ คู่สัญญาอาจจะตกลงกันเป็นพิเศษอย่างไรก็ได้ แม้มิได้ระบุไว้ในสัญญาขายฝากจำเลยก็นำสืบพยานบุคคลถึงข้อตกลงนั้นได้ เพราะมิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาขายฝากอันเกี่ยวกับค่าไถ่หรือสินไถ่แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๐๓ อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ไว้กับจำเลยเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท มีกำหนดไถ่ถอนภายใน ๕ ปีโจทก์ได้ขอไถ่ถอนการขายฝากแต่จำเลยไม่ยอมรับไถ่ถอน จึงขอให้บังคับจำเลยรับชำระเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นการไถ่ถอนการขายฝากที่ดินดังกล่าว แล้วให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยในการไถ่ถอนการขายฝาก
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายฝากเป็นของจำเลย ผลประโยชน์ที่เกิดจากที่ดินนั้นก็เป็นของจำเลย แต่โจทก์ขอเก็บค่าเช่าที่ดินที่ขายฝากในระหว่างอายุสัญญาขายฝากโดยตกลงว่าจะไถ่ถอนเมื่อใด โจทก์จะชำระค่าเช่าหรือผลประโยชน์ที่เก็บได้นั้นให้แก่จำเลยจนครบถ้วน โจทก์ได้เก็บค่าเช่าที่ดินจากผู้เช่าในระยะ ๕ ปี ได้เงินทั้งสิ้น ๓๕,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่ยอมชำระค่าเช่าที่ดินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยจำเลยจึงไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนขอให้พิพากษายกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ชำระค่าเช่าที่ดินที่ขายฝากจำนวน ๓๕,๐๐๐ บาท แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ไม่ได้มีการตกลงกันในเรื่องค่าเช่า จำเลยได้คิดผลประโยชน์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท รวมไว้ในเงินที่โจทก์จะต้องชำระในการไถ่ถอนแล้ว หากมีการค้างชำระค่าเช่าจำเลยก็เรียกเอาไม่ได้เพราะไม่ได้ทำสัญญาเช่าต่อกันเป็นหนังสือ จำเลยไม่มีสิทธิฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก และโจทก์ได้ตกลงจะให้ผลประโยชน์แก่จำเลยเมื่อไถ่ถอนดังจำเลยต่อสู้ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเอาค่าตอบแทนจากโจทก์ได้ เห็นสมควรให้ค่าตอบแทนปีละ๖,๐๐๐ บาท รวม ๕ ปี เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยรับเงิน๔๐,๐๐๐ บาท แล้วไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝาก หากไม่ไป ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และให้โจทก์ชำระเงินผลประโยชน์ที่โจทก์เก็บได้ให้จำเลย ๓๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามสัญญาขายฝากไม่มีข้อความว่า เมื่อจะไถ่ถอนการขายฝากโจทก์จะต้องชำระค่าเช่าหรือผลประโยชน์ให้แก่จำเลย จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่า มีข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ได้ทำหนังสือจดทะเบียนขายฝากที่พิพาทไว้กับจำเลย มีกำหนด ๕ ปี โจทก์ได้ขอไถ่ภายในกำหนดสัญญาแล้ว คดีมีปัญหาว่าโจทก์จะต้องชำระค่าเช่าที่พิพาทซึ่งโจทก์ได้เรียกเก็บไว้ในระหว่างอายุสัญญาขายฝากให้แก่จำเลยหรือไม่
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การขายฝากก็คือสัญญาซื้อขายอย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายฝากนั้นตกไปยังผู้ซื้อทันที เช่นเดียวกับการซื้อขายธรรมดา ต่างกันแต่เพียงว่า ผู้ขายมีสิทธิที่จะไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้ภายในกำหนดเวลาเมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ขายฝากตกไปเป็นของผู้ซื้อแล้ว ดอกผลของทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลานั้น ก็ย่อมตกเป็นของผู้ซื้อด้วยที่มาตรา ๔๙๒แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่า ทรัพย์สินซึ่งขายฝากนั้นถ้าไถ่ภายในเวลาที่กำหนด ก็ให้ถือเป็นอันว่ากรรมสิทธิ์ไม่เคยตกไปแก่ผู้ซื้อเลยนั้น หมายถึงเฉพาะตัวทรัพย์สินเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ตกเป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อฝากไปแล้ว เว้นแต่จะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
ส่วนที่ว่าโจทก์ตกลงจะชำระค่าเช่าทั้งหมดที่โจทก์เก็บได้ในระหว่างอายุสัญญาขายฝากให้แก่จำเลยเมื่อโจทก์จะไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน ซึ่งมิได้ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก จำเลยจะมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบถึงข้อตกลงดังกล่าวได้หรือไม่นั้น เห็นว่า ข้อตกลงเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ต้องทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ และเป็นข้อตกลงที่เกี่ยวกับดอกผลของทรัพย์สินที่ขายฝาก ซึ่งคู่สัญญาอาจจะตกลงกันเป็นพิเศษอย่างไรก็ได้ฉะนั้น การนำสืบถึงข้อตกลงในกรณีนี้จึงมิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาขายฝากอันเกี่ยวกับค่าไถ่หรือสินไถ่แต่อย่างใด จำเลยนำสืบพยานบุคคลได้ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share