คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีตั๋วแลกเงินมิได้ระบุถึงเรื่องดอกเบี้ยไว้ แม้เป็นกรณีที่โจทก์ผู้ทรงใช้สิทธิเรียกร้องโดยตรงจากจำเลยที่ 1 ผู้จ่ายซึ่งได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้วไม่ใช่เรียกร้องเอาจากบุคคลอื่นซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968 โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยได้เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนดชำระและมีการผิดนัดแล้วตามหลักหนี้ทั่วไปดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204, 224
เมื่อโจทก์ผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยเรียกเอาดอกเบี้ยอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันถึงกำหนดชำระจากบรรดาผู้สลักหลัง ผู้สั่งจ่าย และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วแลกเงินนั้นได้แล้ว ก็ย่อมมีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยในอัตราร้อยละห้าต่อปีจากจำเลยที่ 1 ผู้รับรองตั๋วแลกเงินซึ่งต้องร่วมกันกับบุคคลดังกล่าวรับผิดต่อโจทก์ผู้ทรงได้ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967, 968 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทรุสเซล อูดราฟ จำกัด ออกตั๋วแลกเงิน ๖ ฉบับ ๆ ละ ๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ สั่งให้จำเลยทั้งสองใช้เงินแก่ธนาคารอินโดจีน จำกัด โดยให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เรียกเก็บเงินจากจำเลย จำเลยทั้งสองเห็นและได้รับรองตั๋วแลกเงินทั้ง ๖ ฉบับแล้ว จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระเงินให้แก่ธนาคารอินโดจีน ธนาคารอินโดจีนสลักหลังตั๋วแลกเงินให้แก่โจทก์เพื่อเรียกเก็บจากจำเลยทั้งสอง โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองแล้วก็ไม่ชำระ จำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐเท่ากับเงินไทย ๖๒๔,๐๐๐ บาท โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่หนี้ถึงกำหนดชำระจนกว่าจะชำระเสร็จ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินต้นดอกเบี้ยดังกล่าว และค่าชักส่วนลด
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง จำเลยทั้งสองมิได้เป็นหนี้โจทก์โจทก์คัดดอกเบี้ยและค่าชักส่วนลดไม่ได้ คดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๕๑๑,๒๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถึงกำหนดชำระของตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามตั๋วแลกเงินหมาย จ.๒ อีก ๑๐๒,๒๕๐ บาท คำขอในเรื่องดอกเบี้ยให้ยก
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้รับรองตั๋วแลกเงินทั้ง ๖ ฉบับ ตามฟ้องซึ่งจำเลยจะต้องรับผิด ส่วนปัญหาเรื่องโจทก์จะคิดดอกเบี้ยจากจำเลยได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตั๋วแลกเงินพิพาททั้ง ๖ ฉบับ มิได้ระบุถึงเรื่องดอกเบี้ยไว้ และแม้เป็นกรณีที่โจทก์ผู้ทรงใช้สิทธิเรียกร้องโดยตรงจากห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ ๑ ผู้จ่าย ซึ่งได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้วไม่ใช่เรียกร้องเอาจากบุคคลซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๘ โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยได้เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนดชำระและมีการผิดนัดแล้ว ตามหลักหนี้ทั่วไปดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๔, ๒๒๔ เมื่อโจทก์ผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยเรียกเอาดอกเบี้ยอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันถึงกำหนดชำระจากบรรดาผู้สลักหลัง ผู้สั่งจ่าย และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วแลกเงินนั้นได้แล้วก็ย่อมมีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยในอัตราร้อยละห้าต่อปีจากจำเลยที่ ๑ ผู้รับรองตั๋วแลกเงินซึ่งต้องร่วมกันกับบุคคลดังกล่าวรับผิดต่อโจทก์ผู้ทรงได้ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗, ๙๖๘ (๒)
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๖๑๓,๕๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระจนถึงวันที่จำเลยชำระเสร็จแก่โจทก์

Share