คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อที่อ้างขึ้นใหม่ในศาลฎีกาว่าพบเอกสารอันเป็นข้ออ้างใหม่ตามภาพถ่ายท้ายฎีกา ไม่เป็นข้อที่ศาลฎีกาจะรับพิจารณา และการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งไว้ จึงฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่ต้องสืบพยาน จึงสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายพิพากษาขับไล่จำเลยจากที่พิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 32.67 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยฎีกาประการแรกว่าข้อกฎหมายที่จำเลยขอให้ศาลฎีกาพิจารณาก็คือหลักฐานซึ่งจำเลยเพิ่งค้นหามาได้ในชั้นฎีกานี้ว่า โจทก์ได้บอกขายที่ดินส่วนที่จำเลยเช่าให้แก่จำเลยแต่โจทก์ยังไม่พร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลย เพราะโฉนดดังกล่าวนี้ยังติดจำนองอยู่ จำเลยได้แนบภาพถ่ายโฉนดดังกล่าวมาท้ายคำฟ้องฎีกานี้แล้ว ฉะนั้นเมื่อโจทก์ยังไม่พร้อมที่จะโอนที่ดินซึ่งเสนอขายให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นน่าจะให้โอกาสคู่ความนำพยานเข้าสืบจึงจะเป็นการชอบ แต่ศาลชั้นต้นด่วนตัดพยานอันไม่เป็นการสมควร จึงขอให้ยกฟ้องหรือสั่งให้มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ความข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกานั้น ต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ที่จำเลยฎีกาขึ้นมาว่าจำเลยเพิ่งค้นพบหลักฐานใหม่ในชั้นฎีกานั้น เป็นข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลล่างทั้งสอง ทั้งไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 7และที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นด่วนตัดพยานอันไม่เป็นการสมควร ขอให้สืบพยานกันใหม่นั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อนี้ไม่ได้เช่นกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายืน

Share