คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6420/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยกับพวกร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 104,390 บาท แก่ผู้เสียหายซึ่งได้จ่ายเงินไปโดยไม่ปรากฏว่าพวกของจำเลยได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วย จึงไม่อาจบังคับให้พวกของจำเลยคืนหรือชดใช้เงินตามคำขอของโจทก์ได้ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 90, 91, 264, 266, 268, 341ให้จำเลยกับพวกร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 104, 390 บาทแก่ผู้เสียหาย และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 266, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 266, 341 และมาตรา 341 ประกอบด้วยมาตรา 80 การที่จำเลยทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและนำไปใช้อ้างแสดงต่อผู้เสียหายกับได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จก็โดยเจตนาเพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 90 แต่การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารดังกล่าวด้วย จึงต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 266 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 6 กระทง เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 18 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 ปีพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยแล้ว ไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษให้จำเลยกับพวกร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 104,390 บาทให้แก่ผู้เสียหายซึ่งได้จ่ายไป และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะจำเลยกระทำความผิดจำเลยรับราชการเป็นทหารอากาศยศพันจ่าอากาศเอก แม้จะมียศต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตรแต่ตำแหน่งและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติก็เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถพอสมควร ซึ่งจำเลยก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ผลดีแสดงว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถดี จำเลยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันเป็นหลายกรรมต่างกัน และลักษณะของการกระทำก็มิได้เกิดจากความโง่เขลาเบาปัญญา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่อย่างใด ทั้งความผิดที่จำเลยกระทำถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรงเพราะกฎหมายกำหนดโทษจำคุกขั้นสูงถึง 10 ปี โทษที่จำเลยได้รับจึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีก แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยกับพวกร่วมกันคืนชดใช้เงินจำนวน 104,390 บาท แก่ผู้เสียหายซึ่งได้จ่ายเงินไปนั้นไม่ปรากฏว่าพวกของจำเลยได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วย จึงไม่อาจบังคับให้พวกของจำเลยคืนหรือชดใช้เงินตามคำขอของโจทก์ได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 104,390 บาทแก่ผู้เสียหายซึ่งได้จ่ายเงินไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share