คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าลูกจ้างของจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายโดยการซ่อมแซมรถให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่ลูกจ้างของจำเลย โดยมีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถและเป็นนายจ้างตกลงยินยอมและลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญา ย่อมถือได้ว่าจำเลยยินยอมตกลงรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายตามข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสมัยลูกจ้างของจำเลยได้ขับรถบรรทุกของจำเลยในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของนายวิศัลย์ซึ่งเอาประกันภัยไว้แก่โจทก์เสียหายนายสมัยและจำเลยได้ตกลงยินยอมซ่อมแซมรถของนายวิศัลย์ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ซ่อมแซมรถของนายวิศัลย์แล้ว จึงขอให้จำเลยชดใช้เงินค่าซ่อมให้แก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่านายสมัยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายวิศัลย์ จำเลยมิได้เป็นคู่สัญญา แต่ลงชื่อในสัญญาในฐานะพยาน จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยลงชื่อในสัญญาประนีประนอมระหว่างนายสมัยกับนายวิศัลย์ในฐานะพยาน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาดังกล่าว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๔ ซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า นายสมัย ก้องกังวาล ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายโดยการซ่อมแซมรถให้นายวิศัลย์ นายวิศัลย์ไม่ติดใจจะให้ดำเนินคดีกับนายสมัยแต่อย่างใด โดยมีนายพิสิษฐ์ กมลราสินทร์ เจ้าของรถและเป็นนายจ้างของนายสมัยเป็นผู้ตกลงยินยอมซ่อมแซมรถของนายวิศัลย์แล้ว ดังนี้ แม้จำเลยลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญา ย่อมถือได้ว่าจำเลยยินยอมตกลงรับผิดชดใช้ค่าเสียหายรถยนต์แก่นายวิศัลย์ตามข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นด้วย เมื่อโจทก์ผู้รับประกันจ่ายเงินค่าเสียหายแก่นายวิศัลย์ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ย่อมรับช่วงสิทธิฟ้องเรียเงินจากจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำละเมิดได้
พิพากษายืน.

Share