คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สามีโอนสินเดิมของตนให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของภรรยา ภายหลังทรัพย์นั้นกลับมาเป็นของสามีอีกดังนี้แม้จะถือว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็ดขาดไปแล้วก็ต้องเอาสินสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมตาม ป.พ.พ. ม.1473,1513,1514

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากผู้รับมรดกหลวงประกิต ฯ สามีอ้างว่าเป็นสินสมรส.จำเลยให้การว่าโจทก์เป็นภรรยาหลังภรรยาเดิมของเจ้าของมรดกตายและไม่มีสินเดิมมาจึงไม่มีสิทธิในสินสมรสคงมีสิทธิตามระบุในพินัยกรรมเท่านั้น เจ้ามรดกมีสินเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งสินสมรสระหว่างโจทก์กับหลวงประกิต ฯ
จำเลยอุทธรณ์.ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ต้องเอาทรัพย์บัญชีหมาย ๑ เว้นแต่อันดับ ๓ ไปหักสินสมรส และทรัพย์หมาย ค ท้ายฟ้องอันดับ ๑. เมื่อแบ่งกันไม่ตกลงก็ให้ประมูลกัน ไม่ตกลงจึงให้ขายทอดตลาด นอกจากแก้นี้คงเดิม
จำเลยฎีกาในข้อ ก.ม.ว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหมาย ค.อันดับ ๑ – ๒ ควรเป็นสินเดิมหรือหักใช้สินเดิม
ศาลฎีกาปรึกษาแล้วคดีมีข้อวินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อผัวโอนสินเดิมของตนไปให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของเมีย ภายหลังทรัพย์โอนไปนั้นกลับตกมาเป็นของผัวอีกจะถือว่าเป็นสินเดิมหรือสินสมรส พิจารณาเห็นแม้จะถือว่าเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็นขาดไปแล้วก็ดีก็ยังมีข้อวินิจฉัยต่อไปว่าจะต้องเอาสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมที่ขาดไปหรือไม่ ปัญหาข้อนี้เห็นว่าเมื่อฟังว่าการโอนด้วยความรู้เห็นยินยอมของคู่สมรสแล้วก็ย่อมต้องเอาสมรสมาใช้ทดแทนจนครบตามนัย ป.พ.พ. ม.๑๔๗๓,๑๕๑๓,๑๕๑๔
จึงพิพากษาแก้ทรัพย์บัญชีท้ายฟ้องหมาย ค.อันดับ ๑,๒ ให้หักใช้สินเดิม ฯลฯ.

Share