คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6380/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยเกี่ยวกับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อันมีมูลเหตุจากการละเมิดที่จำเลยขับรถยนต์ชนเด็กชาย ส. ผู้เยาว์ เป็นนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ที่แม้ผู้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายก็จะกระทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(12)โจทก์ฟ้องจำเลยในนามของตนเอง ทั้งโจทก์เป็นบิดาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กชาย ส. จึงเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะกระทำการแทนเด็กชาย ส. แม้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายสุทธิพงษ์ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2535 จำเลยขับรถยนต์ชนเด็กชายสุทธิพงษ์จนได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน2535 จำเลยทำสัญญาชดใช้ค่ารักษาพยาบาลเด็กชายสุทธิพงษ์แก่โจทก์เป็นเงิน 92,000 บาท โดยจำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้ว 22,000 บาทส่วนที่เหลือจำเลยสัญญาว่าจะชำระแก่โจทก์ภายในวันที่ 23 มิถุนายน2535 แต่จำเลยเพิกเฉยเมื่อถึงกำหนดดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2535เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์มิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายสุทธิพงษ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขับรถยนต์ชนเด็กชายสุทธิพงษ์ เพราะเด็กชายสุทธิพงษ์วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถยนต์จำเลยอย่างกระชั้นชิดซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยทำสัญญากับโจทก์จริงแต่จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดประกอบกับโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2535 จำเลยขับรถยนต์ปิกอัพชนเด็กชายสุทธิพงษ์ อายุ 6 ปี ได้รับบาดเจ็บ สาหัส ต่อมาวันที่22 มิถุนายน 2535 โจทก์ได้ทำสัญญากับจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นบิดาของเด็กชายสุทธิพงษ์ว่า จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 92,000 บาท ได้ชำระเงินแก่โจทก์แล้วจำนวน 22,000 บาทส่วนที่เหลืออีก 70,000 บาท จะชำระภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2535ปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.3เด็กชายสุทธิพงษ์เป็นบุตรของโจทก์กับนางสุภาณี ซึ่งแต่งงานโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนรับรองว่าเด็กชายสุทธิพงษ์ เป็นบุตร ในวันทำสัญญาดังกล่าวนางสุภาณีรู้เห็นอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ลงชื่อ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามสัญญาเอกสารหมาย จ.3 หรือไม่เห็นว่า เอกสารหมาย จ.3 มีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยเกี่ยวกับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อันมีมูลเหตุจากการละเมิดที่จำเลยขับรถยนต์ชนเด็กชายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงเป็นนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ที่แม้ผู้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายก็จะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(12) คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในนามของตนเอง ทั้งโจทก์เป็นบิดาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายสุทธิพงษ์ จึงเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะกระทำการแทนเด็กชายสุทธิพงษ์ แม้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์กรณีที่จำเลยทำละเมิดต่อเด็กชายสุทธิพงษ์ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยเสียแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.3
พิพากษายืน

Share