คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6308/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ไม่ว่ากรณีใด ถ้าผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาด้วย การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 234

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 29,374,164.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18.5 ต่อปี ในต้นเงิน 28,270,827.68 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันที่8 มีนาคม 2537 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีนี้ศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไป 15 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดคือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2537 จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2537 ครบกำหนดในวันที่6 มีนาคม 2537 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ จึงยื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2537 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ 8 มีนาคม 2537 เกินระยะเวลาอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่25 มีนาคม 2537 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่29 มีนาคม 2537 ว่า การยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์จะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาด้วย ดังนั้น จึงให้นำเงินมาวางภายใน 15 วัน เสียก่อนแล้วจะมีคำสั่งต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า บทบัญญัติในมาตรา 234แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายถึงกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในเนื้อหาของอุทธรณ์ แต่กรณีของจำเลยเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนด การยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษานั้นเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234บัญญัติว่า “ถ้าศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้นไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาล ได้มีคำสั่ง” ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวย่อมหมายความว่า เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ไม่ว่ากรณีใดถ้าผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาด้วย การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 234 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล ทั้งให้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share