คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นสองคดี เพราะทรัพย์แต่ละคดีถูกลักคนละตอนกัน เมื่อได้ความว่าจำเลยรับทรัพย์ในทั้งสองคดีนั้นไว้ในคราวเดียวกัน และศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีหนึ่งแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรพระพุทธรูป6 องค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 335 ทวิ, 336 ทวิ, 357, 83พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11, 12 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 นับโทษของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่2654/2531 ของศาลชั้นต้นและนับโทษของจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 25/2532 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจรและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2654/2531 ของศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่25/2532 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก, 83 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปีจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4คนละ 2 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 8 เดือน นับโทษจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2654/2531ของศาลชั้นต้น และนับโทษของจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 25/2532 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1906/2532 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ทรัพย์ของกลางพระพุทธรูป 6 องค์ ในคดีนี้ กับทรัพย์ของกลาง น้ำอัดลม และลังน้ำอัดลมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1906/2532 ของศาลชั้นต้น ซึ่งโจทก์ขอให้นำโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ไปนับต่อจากคดีดังกล่าวนั้น เป็นทรัพย์ที่จับได้จากจำเลยที่ 2 พร้อมกัน โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบว่า จำเลยรับเอาทรัพย์ของกลางทั้งหมดไว้ต่างคราวต่างวาระกัน ในชั้นจับกุมนั้นแม้ปรากฏตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1, จ.2 ว่าจำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 2 ร่วมลักทรัพย์ด้วยก็ตาม คำให้การดังกล่าวก็มีลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันมีน้ำหนักน้อย ซึ่งในชั้นจับกุมนี้ร้อยตำรวจเอกเนิน ระแบบเลิศ ผู้จับกุมเบิกความว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำความผิด ส่วนในชั้นสอบสวนร้อยตำรวจตรีชัยยา เกตุอุดมพนักงานสอบสวนเบิกความว่า จำเลยทั้งสี่รับสารภาพว่าร่วมกันลักทรัพย์ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.7 ถึง จ.10 ตามคำให้การดังกล่าวแม้จะปรากฏว่าการลักทรัพย์พระพุทธรูปกับลักทรัพย์น้ำอัดลมและลังน้ำอัดลมจะเป็นความผิดคนละตอนกัน โจทก์ก็ไม่ได้นำตัวจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มาเบิกความยืนยันคำให้การ พยานหลักฐานดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยเช่นเดียวกัน ซึ่งสำหรับจำเลยที่ 2 ก็ยังให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาว่า มิได้กระทำผิด ที่ให้การรับสารภาพไปในชั้นสอบสวนเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายร่างกาย มิได้ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวจึงยังไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับของกลางพระพุทธรูป น้ำอัดลมและลังน้ำอัดลมดังกล่าวไว้หลายครั้งต่างวาระกัน จึงต้องฟังให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ว่า รับของกลางทั้งหมดไว้ในคราวเดียวกัน ถือเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรกรรมเดียวการที่โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นแต่ละคดีมา เมื่อคดีที่จำเลยถูกฟ้องในข้อหาว่ารับของโจรของกลางน้ำอัดลม และลังน้ำอัดลมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1906/2532 ของศาลชั้นต้นนั้น ความปรากฏแก่ศาลฎีกาแล้วว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานรับของโจรไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกัน สิทธินำคดีมาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้จำเลยที่ 2จะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อฎีกาโดยตรง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาก็เห็นควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน

Share