แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยและผู้เสียหายมีอาชีพขายเนื้อโคกระบือ วันเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่ากระบือ จำเลยแจ้งตำรวจว่าเนื้อบนเขียงผู้เสียหายเป็นเนื้อกระบือ ให้จับผู้เสียหายถ้าไม่จับจะไปเอาตำรวจที่อื่นมาจับเพื่อให้ผู้เสียหายต้องรับโทษ โดยจำเลยรู้ว่าเนื้อดังกล่าวเป็นเนื้อโคซึ่งผู้เสียหายได้รับอนุญาตให้จำหน่าย เช่นนี้ เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยประสงค์จะให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีกับผู้เสียหายฐานฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ซึ่งเป็นบทเฉพาะ ประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์ตามมาตรา 174 แต่มิได้เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งจะต้องลงโทษตามบทหนัก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า นายสมชายนำเนื้อกระบือที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่ามาจำหน่ายให้จับนายสมชายไปโรงพัก อันเป็นความเท็จ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำผิดฐานฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยมิได้รับอนุญาตเกิดขึ้น และจำเลยมีเจตนาแกล้งให้นายสมชายต้องรับโทษทำให้เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวและนายสมชายเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174 และนับโทษต่อกับคดีอื่น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172, 173, 174 ให้ลงโทษตามมาตรา 172, 174 อันเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 1,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปีตามมาตรา 56 ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ คดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา จึงไม่นับโทษต่อ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยกล่าวมิใช่เป็นการแจ้งความ และไม่มีข้อความใดยืนยันว่านายสมชายฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยไม่รับอนุญาต พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยและนายสมชายผู้เสียหายมีอาชีพขายเนื้อโคกระบือชำแหละอยู่ในตลาดเทศบาลเมืองชัยภูมิ วันเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้ขออนุญาตฆ่ากระบือ จำเลยมาที่เขียงขายเนื้อของผู้เสียหาย และแจ้งกับสิบตำรวจเอกเหรียญใจความว่า เนื้อบนเขียงของผู้เสียหายเป็นเนื้อกระบือให้จับผู้เสียหาย ถ้าไม่จับ จะไปเอาตำรวจที่อื่นมาจับ สิบตำรวจเอกเหรียญจึงจับผู้เสียหายพร้อมเนื้อของกลางส่งสถานีตำรวจ เมื่อตรวจพิสูจน์แล้วปรากฏว่าเนื้อของกลางเป็นเนื้อโค จึงวินิจฉัยว่า จำเลยมีอาชีพขายเนื้อโคกระบือชำแหละ การแจ้งของจำเลยจึงเป็นการแจ้งความเท็จโดยรู้อยู่แก่ใจว่าเนื้อของกลางเป็นเนื้อโคที่ผู้เสียหายได้รับอนุญาตแล้วเพื่อให้ผู้เสียหายต้องรับโทษ แม้ตามคำเบิกความของสิบตำรวจเอกเหรียญจะไม่ปรากฏว่าจำเลยแจ้งให้จับผู้เสียหายฐานฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยไม่ได้รับอนุญาตเหมือนที่โจทก์บรรยายฟ้อง แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อสิบตำรวจเอกเหรียญจับผู้เสียหายตามที่จำเลยแจ้งว่าเนื้อของกลางที่ผู้เสียหายวางขายเป็นเนื้อกระบือ เจ้าพนักงานก็ต้องดำเนินคดีกับผู้เสียหายฐานฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่การกระทำของจำเลยไม่ใช่เรื่องกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทหนักที่สุดดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่ต้องลงโทษตามบทเฉพาะ ซึ่งคดีนี้ได้แก่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 เพราะเป็นการแจ้งว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น และประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174
พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 ประกอบด้วยมาตรา 174 ส่วนเรื่องโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น