คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยมีข้าวสารเกินปริมาณโดยมิได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 20 และ 23 ตุลาคม 2489 ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและกักกันข้าว พ.ศ.2489 ฉะบับที่ 1 และที่ 2 พระราชบัญญัติฉะบับที่ 2 ออกใช้ภายหลังวันที่หาว่าจำเลยกระทำผิด และยกเลิกความในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ฉะบับที่ 1 แล้วบัญญัติให้ผู้มีข้าวสารเกินปริมาณแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด ดังนั้น จำเลยจะมีผิดตาม พ.ร.บ.ฉะบับที่ 2 มาตรา 5 ต่อเมื่อมีประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วไม่ไปแจ้ง พ.ร.บ.ฉบับที่ 2 จึงบัญญัติเป็นคุณแก่จำเลย ต้องยอก พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นปรับแก่คดีตาม ก.ม.อาญามาตรา 8 ย่อมเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า หาว่าจำเลยมีข้าวสารเกินปริมาณโดยมิได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ ๒๐ และ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๘๙ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและกักกันข้าว ๒๔๘๙ มาตรา ๕, ๑๓, พ.ร.บ.สำรวจและกักกันข้าว (ฉะบับที่ ๒) ๒๔๘๙ มาตรา ๕ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกระทำผิดก่อนวันใช้ พ.ร.บ.สำรวจและกักกันข้าว (ฉะบับที่ ๒) ถ้าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.ฉบับแรก ก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ฉะบับหลังได้ พิจารณาตาม พ.ร.บ.ฉะบับแรก เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตาม ม.๗ จึงลงโทษจำเลยตาม ม.๑๓ ไม่ได้ คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ฉะบับหลัง ดังศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา พิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.สำรวจและกักกันข้าว ฉะบับที่ ๒ ออกใช้ภายหลังวันที่หาว่าจำเลยกระทำผิด ถ้าจะพิจารณาตาม พ.ร.บ.ฉะบับแรกแล้ว จำเลยน่าจะมีผิดตามมาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.นี้ แต่ปรากฏว่าได้มี พ.ร.บ.ฉะบับที่ ๒ ออกใช้ยกเลิกความในมาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.ฉะบับเดิม บัญญัติให้ผู้ที่มีข้าวเกินปริมาณไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บเพื่อขอรับใบอนุญาต ภายในระยะเวลาที่คณะกรราการกำหนด จึงเห็นได้ว่า กฎหมายฉะบับหลังจะเอาผิดแก่ผู้มีข้าวเกินกำหนดในมาตรา ๕ ต่อเมื่อมีประกาสขอเจ้าพนักงานให้ไปแจ้งแล้วไม่ไปแจ้ง ฉนั้น เมื่อยกบทบัญญัติฉะบับหลังนี้มาปรับกับคดีจำเลยตาม ก.ม.อาญามาตรา ๘ ซึ่งบัญญัติให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ก็ย่อมเอาผิดจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share